คำถาม:
หลวงปู่:
ไปดูต่อไป มาได้ดีแล้ว ถ้าเราเห็นใจมันดิ้น ใช้ได้ เห็นใจเราชั่ว ใช้ได้ ดี ไปทำอีก ทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดเยอะ การภาวนาไม่ต้องพยายามจะรู้เรื่อง เราไม่ได้ภาวนาเพื่อจะรู้เรื่อง เราภาวนาเพื่อจะรู้สึกกายอย่างที่กายเป็น รู้สึกใจอย่างที่ใจเป็น ไม่ใช่ภาวนาเอาเรื่อง ไม่ต้องมีความรู้อะไรเยอะหรอก เห็นร่างกายเคลื่อนไหว ใจเป็นคนดู เห็นจิตใจมันทำงานไป ใจเป็นคนดู แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว ไม่ต้องรู้เรื่องหรอก หน้าที่รู้เรื่องเป็นหน้าที่ของปัญญา มันเกิดเอง ทำเหตุให้พอ แล้วปัญญามันก็เกิด
ฉะนั้นไม่ได้เรียนเอาเรื่อง ไม่ได้เรียนให้รู้เรื่อง รู้สึกเอา อย่างคนฟังดนตรี ฟังดนตรีแล้วไม่รู้เรื่อง นี้ฟังดนตรีไม่เป็น ดนตรีเขาไม่ได้ฟังให้รู้เรื่อง เขาฟังให้รู้สึก ฟังแล้วอันนี้ เพลงนี้รู้สึกเศร้า ภาวนาเราก็ไม่ได้เอาเรื่อง เรารู้ทันความรู้สึกของตัวเองไป ดนตรีมัน Build ความรู้สึก เราไม่ไป Build ความรู้สึกอะไรเกิดแล้วเรารู้ไป ฉะนั้นไม่ต้องไปแก้ไขอะไรทั้งสิ้น รู้ไปเรื่อยๆ ตรงนี้จิตไปติดนิ่ง อย่าไปบังคับจิตให้นิ่งๆ อย่าไปกดจิตไว้ ปล่อยให้จิตมันทำงานไปตามธรรมชาติธรรมดา
จุดที่ยังต้องปรับ คือยังชอบบังคับจิตให้นิ่งๆ อยู่ ปล่อยให้มันทำงาน กล้าๆ หน่อย ปล่อยให้มันทำงานไป แล้วมีสติตามรู้ความเปลี่ยนแปลงของมันไป ไม่ต้องคาดหมายว่า เป็นอย่างนี้แล้วเดี๋ยวจะเป็นอย่างนี้ อย่างพวกเรียนปริยัติ มันจะคิดตลอด เป็นอย่างนี้แล้วเดี๋ยวจะเป็นอย่างนี้ ได้ญาณนี้แล้ว เดี๋ยวจะต้องเป็นญาณนี้ พวกนี้เลยไม่ได้สักญาณ เพราะมันไม่ได้รู้สึกเอา มันคิดเอา ตรงนี้หลงแล้วรู้ไหมเบอร์ 1 ใจไหลแวบไป ให้รู้ รู้สึกเอา โอ้ ไหลไปแล้ว เห็นไหมจิตตรงนี้เบิกบานกว่าเมื่อกี้ เห็นไหม ดูความเปลี่ยนแปลงของมันไป
วัดสวนสันติธรรม 2 สิงหาคม 2568