มุมมองชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิม รู้สึกเหมือนเห็นทุกข์ของโลก

คำถาม:

ผ่านวิกฤตโรคร้ายในชีวิตมา ทำให้รู้สึกว่ามุมมองชีวิตในหลายด้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากๆ ค่ะ ช่วงนี้รู้สึกว่าเหมือนเห็นทุกข์ของโลกอยู่บ่อยครั้ง ไม่แน่ใจว่าเห็นจริง หรือเพราะความวุ่นวายของโลก และเราไม่ชอบใจสภาวะที่เป็นจึงคิดไปเพื่อปลอบใจตนเอง กราบขอแนวทางการภาวนาต่อไป ว่าควรมีอะไรปรับปรุงหรือไม่คะ

 

หลวงพ่อ:

เห็นมันก็เห็นอยู่ โลกมันวุ่นวาย โลกนี้น่าเบื่อหน่าย โลกนี้น่าเหน็ดเหนื่อย โลกนี้ไม่เป็นไปอย่างใจปรารถนา เห็นตรงนี้เรื่อยๆ แล้วก็ดูต่อไปอีกเราจะหนีจากโลกก็หนีไม่ได้ ขันธ์มันเป็นเรื่องของโลก ที่เราอยู่เราก็อยู่กับขันธ์นี่ล่ะ จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ ฉะนั้นเราก็จำเป็นต้องอยู่กับมัน อยู่กับมันสังเกตใจเรา ถ้าใจเรายังเกลียดมันอยู่ ใจเราจะไม่มีความสุข ถ้าโลกวุ่นวายแต่ใจเราไม่ได้เกลียดมัน ใจจะสงบสุข สังเกตง่ายๆ เลย อยู่กับโลกแล้วจิตใจสงบสุขไหม ถ้ายังไม่สงบสุขแสดงว่ายังเกลียดอยู่ ยังไม่เป็นกลาง แสดงว่ายังไม่เข้าใจโลกตามความเป็นจริง โลกนี้ทุกข์จะไปทำให้มันเป็นสุขเป็นไปไม่ได้

โลกมีทั้งโลกภายนอกกับโลกภายใน โลกภายในก็คือรูปนามขันธ์ 5 ของเรานี่ล่ะ มันก็ทุกข์เหมือนกัน จะไปสั่งมันให้ไม่ทุกข์ก็ทำไม่ได้ ก็พยายามเรียนรู้โลกภายในนี้ให้มากๆ มันไม่สามารถทำอะไรได้หรอก มีแต่ของไม่เที่ยง มีแต่ของบังคับไม่ได้ ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกไปจนจิตมันเป็นกลาง ขณะนี้จิตยังไม่ค่อยเป็นกลาง จิตยังไม่ค่อยชอบอยู่ จะมีความเศร้าหมองแทรกเข้ามาได้ ค่อยๆ ดูเอา

ที่จริงช่วงนี้มันก็เป็นกันแทบทุกคน เพราะชีวิตเรามันต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ที่เราเคยชินมาตั้งคนละหลายๆ สิบปี ดูมันวุ่นวายไปหมดเลย ยิ่งบริโภคข่าวปลอมๆ ทั้งหลาย ยิ่งเป็นมาก คือบางทีมองอะไร ถ้ามองอ่านข่าวแล้วก็เต้นตามไปเรื่อยๆ ไม่บ้าก็บุญแล้ว บอกอย่างนี้เลยนะไม่บ้าก็บุญแล้ว แต่ถ้ามองมันอย่างเข้าใจ มันจะรู้เลยว่าข้อเท็จจริงอยู่ตรงไหน อย่างเรารู้สึกบ้านเมืองเราตอนนี้แย่เต็มทีแล้ว ลองไปดูว่าจริงๆ เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า อย่างลองดู มันมีตัวเลขอยู่ สัดส่วนคนไทยที่ตาย เราก็ โห ตายเยอะแยะเลย คนไทยตาย 49 คนต่อ 1 ล้านคน พลเมือง 1 ล้านคน เป็นโควิดตาย 49 เก้าคน ยุโรป อเมริกาหลักพัน เขาหลักพันหลายๆ พันด้วยต่อ 1 ล้านคน ตรงนี้มันสะท้อนอะไร สะท้อน จริงๆ คุณภาพด้านสาธารณสุขเราดี คุณภาพของคนเราส่วนใหญ่ใช้ได้

ถ้าคนส่วนใหญ่ของเราเลวเหลวไหล อย่างที่เห็นในหนังสือพิมพ์ในข่าว ป่านนี้หายนะไปหมดแล้ว คนของเราก็ยังระวังตัวใช่ไหม ไปไหนก็ยังใส่แมสก์อะไรอย่างนี้ มันยังมีอยู่ ส่วนน้อยที่มันไม่ระวัง คุณภาพคนอย่างนี้ของเราสูง ฉะนั้นไม่ใช่ว่า เราวิกฤติ เราไม่มีทางออกอะไรอย่างนี้ อันนั้นเป็นภาพที่สร้างขึ้นมา เพื่อประโยชน์ในสิ่งอื่น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ด้านการรักษาสุขภาพอะไรพวกนี้หรอก ถ้าเราดู fact จริงๆ ดูตัวเลขจริงๆ แต่ตัวเลขบางทีก็หลอกได้เหมือนกัน ต้องดูเหมือนกัน ค่อยๆ สังเกตว่าอะไรเป็นความจริง อย่าแตกตื่น ถ้าเราแตกตื่นเราเสพข่าวมากแล้วเราแตกตื่นมาก อาจจะไม่เป็นโควิดตาย แต่เป็นบ้าตาย

อย่างเราเห็นข่าวใช่ไหม มีคนตายอยู่ที่บ้าน มีคนตายอยู่บนถนน ตกอกตกใจคนมาตายที่ถนน ไปดูข่าวอย่าเพิ่งดูวันเดียวจบ ดูผลการตรวจด้วยมันไม่ได้ตายด้วยโควิด ตายตามถนนเป็นโรคอื่น หลวงพ่อมีญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ตอนนั้นยังไม่มีโควิดหรอก แข็งแรงดีทุกประการ เดินๆ อยู่ล้มลงไปตาย หัวใจวายเฉยๆ ตายอยู่ที่ถนน ทุกวันนี้พวกเราอย่าเป็นลมนะ ถ้าเราเป็นลมที่ถนนจะไม่มีใครช่วยเราแล้ว เพราะทุกคนบอก โอ๊ย โควิดๆ รีบถ่ายคลิปเอาไปลง tiktok ลงอะไรต่ออะไร ลงเฟซบุ๊ก คนเป็นโควิดตายอีกคนแล้วอยู่กลางถนนอะไรอย่างนี้ เสพข่าวต้องมีสติ ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะเสียสติ ใจมันจะเครียด

ระวังตัวให้ดีที่สุด รักษาตัวเองให้ดีที่สุด วัตถุมงคลยุคนี้คือแมสก์ คือแอลกอฮอล์ นั่นล่ะวัตถุมงคลที่แท้จริง ตะกรุดอะไรแขวนไว้ให้กำลังใจ ห้อยตะกรุดวิเศษหรือห้อยท้าวเวสสุวรรณ แล้วเอามือป้ายหน้าไปเรื่อยๆ ท่านก็ไม่ช่วยหรอก ท่านช่วยไม่ได้ ฉะนั้นมีสติ รู้จักวิเคราะห์ข้อมูลให้ดี อะไรน่าตกใจ ไม่มีอะไรน่าตกใจสักเรื่องเดียวเลย สมมติว่าเกิดโควิดจริงๆ ตายกันเป็นล้านๆ คนก็ไม่น่าตกใจ สิ่งนี้เป็นไปตามเหตุ มีเหตุคนประมาทอะไรต่ออะไรก็เป็น เป็นเรื่องธรรมดา ภาวนาเป็นเราจะรู้สึกว่านั่นก็ธรรมดานี่ก็ธรรมดา ไม่ตกใจหรอก

ถ้าภาวนาไม่เป็นก็เต็มไปด้วยความอยาก เต็มไปด้วยความกลัว ลำเอียงเพราะความอยาก อย่างอยากให้มันสงบแล้วมันไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างก่อนเลย ชีวิตเดี๋ยวนี้เลว หรือเป็นด้วยความกลัว กลัวข่าวโน้นข่าวนี้กลัว หรือเพราะอคติ เพราะ Bias เยอะแยะเลยความลำเอียง มันทำให้เราเสพข้อมูลแบบเพี้ยนๆ คนเราชอบเชื่อข้อมูลที่ตัวเองเชื่อ ไปสังเกตให้ดี หลวงพ่อสังเกตมานานแล้ว คนเราชอบเชื่อในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเชื่อ ของจริงข้อมูลจริงๆ บางทีไม่ตรงกับที่อยากเชื่อก็ไม่อยากเชื่อ ก็ไม่ยอมเชื่อ ไปสังเกตดูโลกนี้มันเป็นอย่างนี้ กระทั่งตัวเราเองเราอยากเลือกเชื่อสิ่งที่เราอยากจะเชื่อ

 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
24 กรกฎาคม 2564