ชอบใช้พุทโธถี่ๆ มากกว่าดูลมหายใจ ยังฟุ้งซ่าน และหลงโลกอยู่มาก ยังเดินปัญญาไม่เป็น พยายามจะเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่บางทีก็ยังทำไม่ค่อยได้

คำถาม:

ถ้าวันไหนไม่ได้ฟังหลวงพ่อจะรู้สึกผิด ชอบอยู่บ้านนั่งสมาธิ เฉลี่ยเกือบวันละ 2 – 3 ชั่วโมง ชอบใช้พุทโธถี่ๆ มากกว่าดูลมหายใจ ยังฟุ้งซ่าน และหลงโลกอยู่มาก ยังเดินปัญญาไม่เป็น พยายามจะเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่บางทีก็ยังทำไม่ค่อยได้ แต่ไม่ท้อ จะปฏิบัติต่อไปเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า อยากทราบว่าปฏิบัติถูกทางไหมคะ

หลวงพ่อ:

ถูกอย่างยิ่งเลย แล้วจิตก็พัฒนาขึ้นมาเยอะเลย รู้สึกไหมจิตเราเดี๋ยวนี้กับแต่ก่อนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ขันธ์มันก็แยกได้แล้ว รู้สึกไหมกายกับจิตมันคนละอันกัน สุขทุกข์ ดีชั่ว เป็นแค่ของผ่านมาผ่านไป ไม่ใช่จิตหรอก จิตเองก็ทำงานของมันได้เอง อย่างขณะนี้จิตมันก็ปรุงปีติขึ้นมา เห็นไหมมันปรุงปีติขึ้นมาได้เอง เราอย่าไปปรุงต่อ ปรุงต่อ เช่น หาทางละปีติ หาทางรักษาปีติ อันนี้เราปรุงต่อ เมื่อจิตของเราตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตเราจะใส สว่าง กระจ่าง แล้วต่อมามีความปรุงแต่งอะไรเกิดขึ้น แม้แต่เล็กแต่น้อยในจิต มันจะเห็นชัด

เพราะจิตของเรานั้นมันสบาย มันว่างอยู่แล้ว มันผ่องใส ประภัสสร พอมีอะไรแปลกปลอมขึ้นนิดหนึ่ง มันจะเห็น อันนี้จิตมันจะรู้ทันความปรุงแต่งที่เกิดขึ้น แล้วเราก็แค่ว่ารู้แล้วจบลงที่รู้ เราไม่ปรุงแต่งต่อ ไม่ใช่ความสุขผุดขึ้นมา จิตมันปรุงความสุขขึ้นมา ทีแรกจิตมันว่าง เฉยๆ สบาย โล่ง มันปรุงความสุขหรือปรุงความทุกข์ขึ้นมา เราไปแต่งต่อ เช่น ปรุงความสุขก็หาทางรักษา ปรุงความทุกข์ก็หาทางละอะไรอย่างนี้ อันนี้เราแทรกแซงจิตแล้ว

เราจะรู้ทันความปรุงแต่งของจิต โดยที่เราไม่เข้าไปปรุงแต่งจิตเสียเอง เราจะรู้ทันความปรุงแต่งของจิตได้ เมื่อจิตของเราตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ครูบาอาจารย์วัดป่าจะเรียกว่าจิตผู้รู้ หรือจิตประภัสสร พระพุทธเจ้าบอกว่า เดิมนั้นจิตมันประภัสสร คือจิตปกติของเรานั่นล่ะ มันประภัสสร แต่เศร้าหมองเพราะกิเลสมันจรมา นี้เราพยายามฝึกจนกระทั่งจิตของเราตั้งมั่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมา สว่าง ผ่องใส สบาย เงียบๆ แล้วพอมันปรุงอะไรขึ้นแม้แต่เล็กๆ เราก็จะเห็น ตรงนี้ที่เรารู้ทันความปรุงแต่งได้ เพราะจิตของเรามีกำลังตั้งมั่นขึ้นมา

ฉะนั้นจิตที่ตั้งมั่นถึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่หลวงพ่อพยายามเคี่ยวเข็ญพวกเรา จนกระทั่งตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มีความประภัสสร มีความสงบ มีความสว่างเกิดขึ้น มีความเบา มีความอ่อนโยน นุ่มนวล มีความคล่องแคล่ว ว่องไว ไม่ขี้เกียจ แล้วก็อะไรเกิดขึ้นสักว่ารู้ว่าเห็นไป เราจะต้องพัฒนาให้ได้จิตผู้รู้อย่างนี้ขึ้นมา เมื่อเรามีจิตผู้รู้  แล้วทำมาได้ดีมากๆ เลย จิตผู้รู้ของหนูงดงามมาก ดี

เห็นไหมมีปีติแทรกเข้ามาอีกแล้ว พอจิตเราว่างๆ อยู่ แล้วมีอะไรแปลกปลอม เราจะเห็น มันเหมือนเราคลีนโต๊ะของเราสะอาดแล้ว มดตัวเล็กเดินมา เรายังเห็นเลย ถ้าโต๊ะของเรารกๆ อย่างนี้ มีขวดยาดม ยาหม่องอะไรมากมาย จิ้งจกมาตัวหนึ่งเรายังไม่เห็นเลย เพราะฉะนั้นถ้าใจเราว่าง สบาย ความปรุงแต่งเล็กน้อยมา เราก็เห็น เราจะเห็นว่าความปรุงแต่งมาเอง ไปเอง ความปรุงแต่งทั้งหลายไม่ใช่จิตหรอก แต่ถ้าจิตหลงเข้าไปปรุงแต่งเมื่อไร ความทุกข์มันจะเกิดขึ้นที่จิตทันที เก่ง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 3 พฤษภาคม 2568