ระหว่างวันพยายามรู้สึกตัว ถ้าวันไหนยุ่งอยู่กับงานมาก จะรู้สึกตัวได้น้อย ตอนกลางคืนปฏิบัติในรูปแบบ จิตมักตกภวังค์

คำถาม:

ภาวนาโดยใช้ “เมตตา คุณณัง อะระหัง เมตตา” เป็นวิหารธรรม ระหว่างวันพยายามรู้สึกตัวเท่าที่ทำได้ ถ้าวันไหนยุ่งอยู่กับงานมาก จะรู้สึกตัวได้น้อย ตอนกลางคืนปฏิบัติในรูปแบบ จิตมักตกภวังค์ ขอกรรมฐานที่เหมาะกับหนูค่ะ

หลวงพ่อ:

ถ้ามันเหนื่อย จิตมันก็ต้องตกภวังค์ล่ะ อย่างกลางวันเราทำงาน เหนื่อยทางร่างกาย หรือเราคิดงานเยอะ ไปนั่งสมาธิตอนค่ำมันก็หลับแล้วล่ะ จิตมันต้องการพัก เป็นเรื่องธรรมดา เราตื่นเช้าขึ้นมานิดหนึ่ง เรามาภาวนา ยังไม่หลับ ไปภาวนาตอนเหนื่อยๆ มันก็จะหลับ แล้วในชีวิตเรา คอยรู้สึกตัว มีเวลาว่างเมื่อไร 5 นาที 10 นาที คอยรู้สึกตัวสบายๆ อย่าเครียด รู้สึกไป มีเวลานิดๆ หน่อยๆ ก็รู้สึกๆ ไป ไม่เคร่งเครียด จิตมันจะค่อยมีแรง

อย่างเราภาวนาตอนเช้า แล้วก็ในชีวิตประจำวัน มีเวลาว่าง 5 นาที 10 นาที เราคอยดูกายดูใจไป อย่างนี้เราจะไม่ได้เพลีย จิตจะไม่เหนื่อยมากเกินไป ตกเย็นตกค่ำภาวนา ก็จะไม่ค่อยหลับหรอก หรือถ้ามันหลับ มันง่วง มันเหนื่อยจริงๆ ไปนอนเสีย แล้วตื่นขึ้นมากลางคืน มาภาวนาเสียหน่อยหนึ่ง ถ้ามันเหนื่อยจริงๆ ฝืนไม่ไหว ก็อย่าไปฝืนมัน ไปนอน ไป แต่อย่านอนทีเดียวสว่างก็แล้วกัน นอนพอหายง่วง หายเพลีย ก็ลุกขึ้นมาภาวนาต่อ

ค่อยทำไป อย่าให้เครียด ต้องไม่เครียด ถ้าเคร่งเครียด ไม่ได้ผล หลวงพ่อก็ใช้วิธีนั้น ทำงานต้องคิดเยอะ วันๆ หนึ่งเหนื่อย ตอนหัวค่ำก็ภาวนาไปหน่อยหนึ่ง แล้วก็นอน ก่อนนอนจะดื่มน้ำเยอะๆ ตื่นมาฉี่บ่อย ตอนที่ตื่นมากลางคืน มาภาวนาต่อ ภาวนาได้อีกช่วงหนึ่ง 15 นาทีอะไรก็ยังดี แล้วก็นอนต่อ เก็บเล็กเก็บน้อย กลางวันก็เก็บ กลางคืนก็เก็บ ภาวนา ใจมันเด็ดเดี่ยว มันไม่มุ่งไปที่ความสุขกับการนอนหลับ มุ่งจะพ้นทุกข์ อยากพ้นทุกข์

เพราะฉะนั้นถ้าเหนื่อยก็นอนเสีย ถ้าหิวก็กิน ถ้าง่วงก็นอน แต่ถ้าตะกละ ไม่กิน ถ้าขี้เกียจ ไม่นอน แยกให้ออก แล้วภาวนาไป มีสติไป ขณะนี้จิตดีกว่าเมื่อกี้รู้สึกไหม อย่าไปหา ไปหาปุ๊บ ที่ดีๆ หายไปหมดแล้ว มันกลายเป็นจิตหลง หลงแสวงหา รู้สึกไปเรื่อยๆ ถ้าง่วงก็ไปนอน ถ้านอนพอแล้วก็ภาวนา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 5 มีนาคม 2566