งานวิจัยว่านั่งสมาธิแล้วฉลาด เลยนั่ง แต่ไปเพ่ง เลยปรับวิธีใหม่ นั่งแบบดูจิต แต่มีกายและคำบริกรรมเป็นฐาน เวลาจิตหลงใช้รู้สึกลมหายใจ หรือกายเข้ามาช่วย

คำถาม:

มีงานวิจัยว่านั่งสมาธิแล้วฉลาด ผมเลยนั่ง แต่ไปเพ่ง จนรู้สึกว่าเครียดมา 3 เดือนแล้ว หลวงพ่อ: อย่างนั้นจะโง่กว่าเก่า สมองเสื่อม ผมเปิดเจอช่อง YouTube ของหลวงพ่อ เลยปรับวิธีใหม่ ปฏิบัติตามคำสอนหลวงพ่อมา 6 เดือน นั่งแบบดูจิต แต่มีกายและคำบริกรรมเป็นฐาน หลวงพ่อ: ใช้ได้ เวลาจิตหลงใช้รู้สึกลมหายใจ หรือกายเข้ามาช่วย ผมแยกกายและจิตได้ใช่ไหมครับ

หลวงพ่อ:

ได้ แยกได้ สมาธิก็ดี สมาธิดีขึ้นแล้ว เมื่อไม่กี่วันนี้มีพระโทร. มา บอกพาครูบาอาจารย์องค์หนึ่งไปหาหมอ ที่จริงไม่ได้พาไป ครูบาอาจารย์ท่านไปหาหมอ รายนี้เขาเป็นพระอุปัฏฐากก็ตามไป แล้วก็เอาเข้าเครื่องอะไรก็ไม่รู้ตรวจ แล้วเขาพบว่าครูบาอาจารย์นี้ เซลล์ของท่านมันมีรัศมีผ่องใส เซลล์ของพระติดตามนี้เหมือนคนทั่วๆ ไป มืดๆ มัวๆ อันนั้นเขาวัดทางวิทยาศาสตร์ รู้สึกไหม เวลาจิตเรามีสมาธิถูกต้อง มันมีความรู้สึกมันสว่างไสวขึ้นมา แสงสว่างนี้มันฟอกขันธ์ได้ ฟอกร่างกายได้ ถึงเรายังไม่ได้เป็นพระโสดาบัน แต่เรามีสมาธิอย่างนี้ ฟอกไปเรื่อย ตายไปบางทีมีพระธาตุเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นเราเห็นพระธาตุ อย่านึกว่าพระอรหันต์ คนที่ทรงสมาธิดีๆ ก็เกิดพระธาตุเหมือนกันเพราะร่างกาย จิตมันไปฟอกขันธ์ได้ พอมีสมาธิเราอย่าหยุดอยู่แค่นี้ คล้ายๆ เราเพิ่งจะได้เครื่องมือ เครื่องมือที่ทำยากมาก ต่อไปต้องเจริญปัญญา ดูลงไปในชีวิตเรานี้ มีอะไรที่คงที่ มีอะไรเที่ยงไหม มีอะไรที่เราบังคับได้แท้จริงไหม ค่อยดูอย่างนี้เรื่อยๆ แล้วจิตมันจะก้าวหน้าต่อไป ภาวนามาได้ดี มีแนวทางเฉพาะตัว เดินมาในเส้นทางของตัวเองนี่ล่ะ ดี

ตรงนี้เพ่ง ตรงนี้คือการเพ่งแล้ว รู้สึกไหม เราน้อมจิตให้นิ่งๆ แล้ว อย่าไปดึงจิตเข้ามาอย่างนั้น ให้รู้มัน ไม่ดึงมัน ไม่เข้าไปแทรกแซงมัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 4 มีนาคม 2566