จิตเห็นว่าไม่มีเราที่ไหนเลยทุกอย่างว่างๆ โล่งๆ จิตห่างโลก

คำถาม:

ในรูปแบบทําอานาปานสติ และจะภาวนาทุกครั้งที่ตื่นมาตอนดึก คือ 2 – 3 ครั้ง คิดไว้ว่าจิตไม่รวมจะไม่นอน ระหว่างวันหลงแล้วรู้ ปฏิบัติแบบนี้จนเข้าเดือนที่ 3 เกิดนิมิต เห็นว่าเราคนหนึ่งอยู่ในกรงขัง เราอีกคนหนึ่งยืนมองอยู่นอกกรงขัง พอตื่นเช้ามา รู้สึกได้ว่าร่างกายเราเหมือนเป็นถํ้าเป็นโพรงโล่งๆ มีจิตอยู่ในนั้น รู้ได้ว่าใจกับกายคนละอัน คล้ายๆ หุ่นยนต์ เวลาเดินเก็บที่นอน หลังจากนั้นก็พยายามรู้สึกกาย รู้สึกใจมาเรื่อยๆ วันหนึ่งขณะที่ฟังเรื่องโยนิโสมนสิการ ระหว่างสัจธรรมกับสมมุติธรรม จิตมันเกิดปิ๊งขึ้นชั่วขณะหนึ่งแค่แวบเดียว คือมันเห็นสภาวะของความว่างโล่ง จิตมันก็รู้ว่าไม่มีเราที่ไหนเลยทุกอย่างว่างๆ โล่งๆ ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องสมมุติ จิตห่างโลก เห็นทุกข์บางๆ เวลาที่ใจอยาก จิตยังถลําเข้าไปคลุกอารมณ์ แล้วก็จิตยังหวงกายค่ะ ขอความเมตตาหลวงพ่อช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

 

หลวงพ่อ:

ภาวนาถูกแล้ว ก็ทำให้มาก ทำให้เจริญ ที่ทำมาถูกต้องแล้วล่ะ ค่อยๆ ฝึกไป เวลาจิตมีโมหะแทรกอะไรนี่ โมหะยังขยันแทรกอยู่ เราก็รู้ว่าจิตมีโมหะ แล้วภาวนาอย่างตรงนี้ จิตมันออกนอกแล้ว จิตมันไหลไปในความคิด รู้ว่าจิตไหลไปในความคิด ถ้ารู้ตรงนี้ไม่ทัน มันก็เกิดสุข เกิดทุกข์ เกิดดี เกิดชั่ว ค่อยไปรู้ตรงนั้นก็ยังดี ใช้ได้ จิตมันเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ ดี ตรงนี้เป็นผู้หลงแล้ว รู้สึกไหม เห็นไหมว่าผู้รู้ไม่เที่ยง เห็นไหมผู้หลงสั่งไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ เห็นไหมไม่มีจิตชนิดไหนเลยที่เราสั่งได้ ไปดูตัวนี้บ่อยๆ ไม่มีจิตดวงไหนที่เราสั่งได้ สั่งให้เป็นจิตรู้ตลอดก็ไม่ได้ สั่งว่าอย่าเกิดจิตคิด ก็สั่งไม่ได้ดูไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าจิตทุกชนิด ไม่อยู่ในอำนาจบังคับ สั่งไม่ได้ ไปดูซ้ำๆ ตรงนี้

 

 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
18 กรกฎาคม 2564