สิ่งที่เห็นคือกายและใจนี้ไม่ใช่เรา เห็นความโกรธ ความคิด แทรกเข้ามาเป็นระยะ แต่มีสติรู้ทัน เห็นว่าการภาวนามีเจริญแล้วเสื่อม

คำถาม:

รักษาศีล 5 ปฏิบัติในรูปแบบ ด้วยการนั่งสมาธิสลับกับเดินจงกรม และฝึกสติในชีวิตประจำวัน สิ่งที่เห็นคือกายและใจนี้ไม่ใช่เรา เห็นความโกรธ ความคิด แทรกเข้ามาเป็นระยะ แต่มีสติรู้ทัน เห็นว่าการภาวนามีเจริญแล้วเสื่อม ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกต้องไหมครับ

หลวงพ่อ:

เข้าใจถูก กายนี้ไม่ใช่เรา สุขทุกข์ไม่ใช่เรา ดีชั่วไม่ใช่เรา แต่จิตยังเป็นเรา ค่อยๆ ดู มาได้ถูกทางแล้ว มาได้ดีแล้ว มันเหมือนเรากินข้าว ค่อยๆ กินไปเดี๋ยวก็อิ่ม หรือเหมือนปลูกต้นไม้ หลวงพ่อชอบยกตัวอย่างปลูกต้นไม้ เพราะในวัดนี้เป็นพระชอบปลูกป่ากัน แต่ชอบหรือเปล่าไม่รู้ แต่ว่าท่านขยันปลูกป่า บางองค์ก็ชอบ บางองค์ก็คงไม่ชอบหรอก

เราเลี้ยงต้นไม้สักต้นหนึ่ง เราก็ต้องดูแล ให้สิ่งที่ดีๆ กับมัน ที่มันชอบ เอาสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยกับมันออกไป แล้วก็รอเวลา ถึงเวลามันก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น เราให้น้ำให้ปุ๋ยที่พอเหมาะ คอยปราบศัตรูพืช คอยกันไม่ให้ไฟมาไหม้ ไฟป่าชอบมาไหม้ต้นไม้ อย่างพวกป่าไม้ เขาก็มาปลูกต้นไม้ ปลูกเสร็จแล้ว ถึงปีชาวบ้านเผาทุ่ง ก็เผาต้นไม้หมดเลย อีกปีก็มาปลูกอีก ไม่โตหรอกอย่างนี้

ตอนนี้วัดเราเข้าไปดูแลแทนอยู่ 2 แปลง สัก 2 – 3 ปีก็จะเป็นป่า เราเข้าไปดู ถึงเวลาก็รดน้ำ ใส่ปุ๋ย แต่ยาฆ่าแมลงไม่ได้ใช้ ถ้ามันจะต้องกินบ้างเสียบ้างอะไร ก็ช่วยไม่ได้ เราไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลง หรือพวกหอยทากเข้าไปกิน เพลี้ยเข้าไปกิน แต่ต้นไม้มันเยอะ มันกินบ้างก็ยังเหลืออยู่ ก็รอเวลาไป พอผ่านไปสัก 3 ปี จากที่โล่งๆ แห้งแล้ง ก็กลายเป็นต้นไม้ ที่เราเข้าไปอยู่ข้างล่างได้แล้ว มีร่มมีเงาแล้ว

การปฏิบัติก็เหมือนกัน เราขจัดสิ่งที่เลวออกไป คือโลภ โกรธ หลง กิเลสทั้งหลาย ความชั่วทั้งหลาย เราทำสิ่งที่ดี พัฒนา ทำบุญ ทำทาน ถือศีล ทำสมาธิ เจริญปัญญา นี่เราทำสิ่งที่ดี ส่วนต้นไม้จะโตวันไหน จะออกดอกวันไหน เราสั่งไม่ได้แล้ว เราปฏิบัติสมถะ วิปัสสนาไป ส่วนจิตจะบรรลุมรรคผลเมื่อไร เราสั่งไม่ได้แล้ว เป็นเรื่องของจิตแล้ว อย่าใจร้อน ยังใจร้อนไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 31 สิงหาคม 2567