ในชีวิตประจำวันมีสติรู้สึกเมื่อจิตเคลื่อนไปรู้สึกทางกาย ได้ยินทางหู เห็นทางตา คิดทางใจ จิตไปอยู่ตรงไหนเป็นเราตรงนั้น พยายามมีสติทั้งวัน แต่ทำไม่ได้

คำถาม:

ภาวนาในรูปแบบนั่งสมาธิก่อนนอนประมาณ 30 นาที ใช้ลมหายใจเมื่อจิตหลงไปทางต่างๆ แล้วรู้ พยายามรักษาศีล 5 ในชีวิตประจำวันมีสติรู้สึกเมื่อจิตเคลื่อนไปรู้สึกทางกาย ได้ยินทางหู เห็นทางตา คิดทางใจ รู้เป็นขณะ จิตไปอยู่ตรงไหนเป็นเราตรงนั้น เห็นขันธ์แยก พยายามมีสติทั้งวัน แต่ทำไม่ได้ ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ

หลวงพ่อ:

ทำบ่อยๆ อีกหน่อยก็ทำได้ ทำไปเรื่อยๆ ทำดีแล้ว จิตมันเป็นเราขึ้นมาทั้งๆ ที่จริงๆ มันไม่เป็นเรา ที่มันเป็นเราขึ้นมาเพราะอันแรกเลย สัญญาวิปลาส หมายรู้ผิด อันที่ 2 จิตตวิปลาส คิดผิดๆ ไปตามสัญญาที่ผิด อันที่ 3 มันก็เลยเกิดทิฏฐิวิปลาส เชื่อผิดๆ ว่ามีเราจริงๆ เพราะฉะนั้นพวกเราทั้งหมดที่ยังเป็นปุถุชน ถือว่ายังเป็นคนวิปลาสอยู่ แต่ไม่ได้แปลว่าบ้า หมายถึงมันไม่ถูกต้อง เวลาเรารู้สึกลงมาที่กาย รู้สึกไหมนี่ตัวเรา ยกมือให้หลวงพ่อดูสิ เวลารู้สึกร่างกายแล้วใครยังรู้สึกว่ากายเป็นเราบ้าง ยกมือสิ มีไหมๆ มีอีกไหม มีน้อยจังเลย น้อยกว่าความเป็นจริง

ที่มันเป็นเราเพราะว่าเรายังหมายรู้ผิดอยู่ ทำไมยังหมายรู้ผิด จิตเราไม่ตั้งมั่น ถ้าจิตเราตั้งมั่น รู้สึก สติระลึกร่างกายปุ๊บเห็นเลยตัวนี้ถูกรู้ไม่ใช่เรา ตัวนี้กับขวดน้ำนี้เหมือนกัน เป็นของถูกรู้ไม่ใช่ตัวเรา ความรู้สึกสุขทุกข์ก็ถูกรู้ไม่ใช่เรา ความจำได้หมายรู้ก็ถูกรู้ไม่ใช่เรา กุศลอกุศลก็ไม่ใช่เรา ต่อไปกระทั่งจิตก็ไม่ใช่เรา จิตผู้รู้เกิดแล้วก็ดับ จิตผู้คิดเกิดแล้วก็ดับ จิตผู้เพ่งเกิดแล้วก็ดับ จิตทุกชนิดเกิดแล้วก็ดับ จะเห็นอย่างนี้ พอเห็นจนจิตมันยอมรับได้ เข้าใจความจริงถ่องแท้คือพระโสดาบัน

ฉะนั้นเราตั้งหลักให้ดี ค่อยๆ เรียนรู้ตัวเองไป ตัวตนมันไม่มีหรอก ฉะนั้นเราไม่ได้ภาวนาเพื่อละความเป็นตัวตน เพราะไม่มีตัวตนให้ละ มีแต่ความหลงผิดว่ามีตัวตน ฉะนั้นเราจะภาวนาเพื่อให้เกิดความรู้ถูกเข้าใจถูกคือตัวสัมมาทิฏฐิ เราก็จะล้างความเห็นผิด ความเห็นผิดว่ามีตัวมีตน แต่เราไม่ต้องแกล้งทำ รู้ไปตามธรรมชาติธรรมดา อย่างขณะนี้จิตมีสมาธิมากกว่าเมื่อกี้ รู้สึกไหม รู้สึกไหมร่างกายที่ขยับอยู่นี้มันถูกรู้อยู่ มันไม่ใช่เราแล้ว ไม่ต้องคิด ถ้าคิดก็จะจิตตวิปลาส คิดผิดอีก รู้สึกเอา ใช้รู้สึกเอา

จิตตรงนี้ใช้ได้ มันมีกำลังขึ้นมาโดยที่ไม่ได้เจตนา สมาธิอันนี้เกิดจากการที่เราได้ฟังธรรม เวลาที่ฟังธรรม ฟังธรรมที่เป็นธรรมจริงๆ ไม่ใช่ฟังพระนั่งอ่านหนังสือให้ฟัง อันนั้นนั่งหลับ ฟังหลวงพ่อแล้วคนหลับไม่ค่อยมี มีแต่คนตื่น นั่นล่ะคือสภาวะที่จิตทรงสมาธิขึ้นมา ขณะนี้พวกเราส่วนใหญ่มีสมาธิแล้ว รู้สึกไหมร่างกายไม่ใช่เรา รู้สึกง่ายๆ เลย ไม่ต้องคิดเลยว่าเป็นเราหรือเปล่า แขนมันบอกไหมว่ามันเป็นเรา ใจเป็นคนคิดเอาเองว่ามันเป็นเรา แขนไม่ได้พูดเลยว่ามันเป็นเรา ค่อยๆ นะ ถ้าจิตเราตั้งมั่นแล้วถึงจะเห็นขันธ์แยก แล้วแต่ละขันธ์ไม่มีเรา จิตตั้งมั่นเรื่องใหญ่

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 18 สิงหาคม 2567