มีกรรมฐาน ๒ อันที่เราต้องเรียน
 อันหนึ่งคือ สมถกรรมฐาน
 อันหนึ่งคือ วิปัสสนากรรมฐาน
พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า
 มีธรรมะ ๒ อย่าง ๒ ประการที่เราควรเจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง
 คือสมถกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐาน
๒ อันนี้ไม่เหมือนกัน
 วัตถุประสงค์ก็ต่างกัน วิธีการก็ต่างกัน
 ผลที่ได้จากการปฏิบัติก็ต่างกัน
สมถกรรมฐาน ทำไปมีวัตถุประสงค์เพื่อให้จิตมีความพร้อมที่จะเจริญปัญญา
  ฉะนั้นงานหลักจริงๆ คือการเจริญปัญญา
  หรืองานวิปัสสนากรรมฐาน
  สมถกรรมฐานเป็นงานสนับสนุน
  งานหลักจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐาน
แต่ถ้าปราศจากการทำสมถกรรมฐาน
  จิตเราไม่มีความพร้อมที่จะเจริญปัญญาได้จริง
  มันจะไม่เจริญ เจริญไม่ได้
เราต้องเรียน ๒ อย่างนี้
 เพราะพระพุทธเจ้าบอกว่า
 ธรรมะที่ควรเจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง
 คือสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน
สมถกรรมฐาน ทำไปเป็นการเตรียมความพร้อมของจิต
 ให้มีความพร้อมที่จะเจริญปัญญา
 วิปัสสนากรรมฐาน ทำไปเพื่อให้เกิดปัญญา
 เข้าใจความเป็นจริงของรูปนามกายใจของชีวิตเรานี่เอง
ถ้าเรารู้ความจริง จิตใจยอมรับความจริงได้
 จิตใจจะคลายความยึดถือในรูปธรรมนามธรรมทั้งหลายทั้งปวง
 เข้าถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้น
พระพุทธเจ้าสอนว่า
 บุคคลถึงความบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา
 ถ้าภาวนาไป มีปัญญา
 จิตก็เข้าถึงความบริสุทธิ์
 มีสมาธิเฉยๆ ไม่บริสุทธิ์