เห็นว่ารู้นี้ไม่ใช่เรา และขันธ์ 5 ที่มีอยู่นี้ก็เป็นภาระจำยอม

คำถาม:

เรียนกับหลวงพ่อมา 13 ปีแล้ว เข้าใจในคำสั่งสอนของหลวงพ่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยอมรับความเป็นธรรมดาของโลกได้มากขึ้น เห็นแล้วว่า “รู้” นี้ ไม่ใช่เรา และขันธ์ 5 ที่มีอยู่นี้ก็เป็นภาระจำยอม ยอมให้มันเป็นทุกข์ไป ยอมให้มันเป็นภาระไป ขอโอกาสหลวงพ่อเมตตาแนะนำการปฏิบัติต่อไปด้วยค่ะ

 

หลวงพ่อ:

เราเริ่มเห็นขันธ์ทั้งหลายตั้งแต่รูป เวทนา สัญญา สังขารอะไรนี้ มันไม่ใช่เรา มันเห็นแจ่มแจ้งแล้ว วิญญาณเราก็เห็น จิตมันจะไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เราก็บังคับมันไม่ได้ ควบคุมมันไม่ได้ แต่ว่ามันยังไม่ตัดความเป็นตัวเป็นตน ยังเหลืออยู่ ค่อยๆ ภาวนา ที่ทำอยู่นี้ถูกแล้ว พอมันพอ มันทำถูกแล้วมันพอเมื่อไร มันก็จะละความเห็นผิดได้เด็ดขาด ค่อยๆ ฝึก ที่ทำอยู่ใช้ได้ แต่ตอนนี้ระวังนิดหนึ่ง ขณะนี้จิตไม่อยู่ในฐานแล้ว ลองหายใจสิ หายใจสบายๆ อย่าดึงจิต หายใจเฉยๆ อย่าน้อมจิตให้ซึม หายใจเฉยๆ ไม่แตะต้องจิตเลย หายใจเฉยๆ ตรงนี้กับเมื่อกี้ต่างกันแล้วรู้สึกไหม ตรงนี้คือสภาวะที่จิตตั้งมั่นจริงๆ

ฉะนั้นเราสังเกต จิตตั้งมั่นบ้าง จิตไม่ตั้งมั่นบ้าง อย่างตรงนี้ไม่ตั้งมั่น จะต่างกันแล้ว ดูออกแล้วใช่ไหม สังเกตไป เราจะเห็นเลยจิตที่ตั้งมั่นก็ไม่เที่ยง จิตที่ไม่ตั้งมั่นก็ไม่เที่ยง จิตที่ตั้งมั่นก็บังคับไว้ไม่ได้ จิตที่ไม่ตั้งมั่นก็ห้ามมันไม่ให้เกิดไม่ได้ เรียนรู้ไปมากๆ ถึงจุดหนึ่งมันจะเห็นจิตนี้ไม่ใช่ตัวเรา จิตนี้ไม่ใช่ตัวตนของตน ตัวตนของตนไม่มี ค่อยๆ ดูไป จิตมีปีติรู้ว่ามีปีติ อันนี้เป็นแค่สังขารอันหนึ่งที่ผุดขึ้นมา เราเห็นกระทั่งตัวจิตเอง เดี๋ยวก็เป็นจิตผู้รู้ตั้งมั่นถูกต้อง เดี๋ยวก็เป็นจิตผู้ไหลไป จิตทั้งวันมีอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวรู้ เดี๋ยวหลง เดี๋ยวรู้ เดี๋ยวหลง เดี๋ยวไหลไป ตัวนี้เราเห็นไตรลักษณ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมันพอ มันพอมันก็จะตัดกิเลสเอง

 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
24 กรกฎาคม 2564