ตอนนี้เห็นกิเลสตัวเล็กๆ บางตัวก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมี และเห็นจิตที่ถูกบีบคั้นอยู่บ่อยๆ

2 ปีก่อน หลวงพ่อบอกดิฉันว่าจิตฟุ้งซ่าน ให้บริกรรมช่วย ตอนนี้ดิฉันเห็นกิเลสตัวเล็กๆ มากขึ้นมาก บางตัวก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมี เห็นจิตที่ถูกบีบคั้นอยู่บ่อยๆ ขอการบ้านหลวงพ่อต่อค่ะ

 

หลวงพ่อ:

ทำต่อไป ทำแล้วเราเห็นกิเลสเรา เรามีพัฒนาการแล้ว ต่อไปเราก็จะสังเกตเวลากิเลสเกิด จิตบางทีก็มีโทสะแทรก เราไม่ชอบกิเลสอะไรอย่างนี้ ให้รู้ทัน นึกออกไหม บางทีเห็นกิเลสแล้วไม่ชอบมัน มันไม่เป็นกลาง ให้รู้ทันไปว่าตอนนี้ไม่ชอบแล้ว ตอนนี้ไม่เป็นกลางแล้ว เพราะฉะนั้นจิตที่ดีที่หลวงพ่อบอกว่ามันสงบ มันตั้งมั่น มันเป็นกลาง จุดสำคัญต้องเป็นกลางด้วย ตั้งมั่นอย่างเดียวแต่ไม่เป็นกลาง ยังไม่ดีพอ

ฉะนั้นอย่างเราตั้งมั่น เราก็จะเริ่มเห็นสภาวะ อย่างเห็นกิเลสเยอะแยะเลย แต่ใจมันไม่ชอบ ใจมันไม่เป็นกลาง ให้รู้ตรงที่ใจไม่เป็นกลาง พอใจเป็นกลาง เราจะเดินปัญญาต่อได้ง่ายๆ เลย กิเลสจะมาหรือกิเลสจะไป เราไม่เกลียด เราไม่ดีใจ เราไม่เสียใจ เราก็เห็นแค่ว่าสภาวะบางอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เราไม่หลงดีใจ เราไม่หลงเสียใจกับมัน ค่อยๆ ดูจนมันเป็นกลาง แต่ความเป็นกลางอย่าไปแต่งขึ้นมา อย่าไปทำมันขึ้นมา ให้รู้ตรงที่มันชอบ ตรงที่มันไม่ชอบแล้วมันเป็นกลางของมันเอง ตรงที่เราไปจงใจให้เป็นกลาง อันนั้นกลางปลอม ใช้ไม่ได้

 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
25 กรกฎาคม 2564

กำลังของจิตไม่พอ จิตไม่ตั้งมั่น เวลานั่งสมาธิจิตไม่เข้าฐาน

คำถาม:

ใจเป็นกลางมากขึ้น เป็นผู้ดูมากขึ้น แต่ก็ยังมีช่วงที่ไปคลุกอารมณ์ ไม่เป็นกลางกับความทุกข์ความสุขอยู่ ปัญหาเหมือนจะยังเป็นเรื่องกำลังไม่พอ จิตไม่ตั้งมั่น ช่วงนี้รู้สึกกระแสคนอื่นรบกวนข้างใน เหมือนกำลังหมดเร็ว การปฏิบัติในรูปแบบ เวลานั่งสมาธิจิตไม่เข้าฐาน จะได้แค่รู้สึกตัวเป็นขณะแต่ไม่รวม เหมือนจิตไม่ทราบว่าจิตถึงฐานเป็นอย่างไร ไม่แน่ใจว่าเดินตรงไหนผิดทางหรือไม่ หรือยังทำน้อยไป ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

 

หลวงพ่อ:

จิตถึงฐานทำเอาไม่ได้ เราสั่งให้จิตถึงฐานไม่ได้ เพราะจิตเป็นอนัตตา เรารู้ทันจิตที่มันเคลื่อนไปเคลื่อนมา แล้วมันจะถึงฐานเอง แต่ตอนนี้จิตใจมันถูกกระแสที่กวนความสงบสุข ฉะนั้นเจริญเมตตาให้เยอะๆ ไว้ สวดมนต์แผ่เมตตาไปเรื่อยๆ เลย สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด บริกรรมไปเรื่อยๆ จงเป็นสุขๆ เถิด จงเป็นสุขๆ เถิดอะไรอย่างนี้ว่าไปเรื่อยๆ แล้วก็ใจมันจะค่อยๆ เย็นลงมา สมาธิมันจะเกิดขึ้น พอสมาธิเกิดขึ้นการเดินปัญญามันถึงจะทำได้จริง ตอนนี้จิตมันว้าวุ่น ฉะนั้นไปเจริญเมตตาให้เยอะๆ เลย

จริงๆ ทุกคนในช่วงนี้ ควรเจริญเมตตาให้มาก เพราะว่ากระแสข่าวสารทั้งหลายมันกระตุ้นโทสะเราตลอดเวลา อย่างจริงๆ บ้านเมืองเราตอนนี้ต้องการทุ่มเทกำลังทั้งหลาย ไปช่วยกันแก้ปัญหาโรคระบาด แต่ว่าเราเสียพลังจากการทะเลาะกันเองเยอะแยะไปหมดเลย เรื่องไม่เป็นเรื่องเต็มไปหมดเลย คนที่จะทำงานก็ถูกบั่นทอนกำลังใจไปเรื่อยๆ เพื่ออะไร เพื่ออะไรก็แต่ละคนมีจุดมุ่งหมายไม่เหมือนกัน บางคนหวังดีจริงๆ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ หมอบางคนก็ชอบให้ข้อมูล ถูกบ้างผิดบ้าง ถือว่าเป็นหมอ ไม่ใช่หน้าที่ก็ออกมาพูดอะไรอย่างนี้ มันทำให้คนเครียดมากขึ้น ไม่ใช่เรื่อง fact ล้วนๆ

เราไปห้ามทุกคนไม่ให้พูดมากไม่ได้ เราเจริญเมตตาไว้ อย่างน้อยจิตของเราสงบร่มเย็น บรรยากาศรอบๆ ตัวเราก็จะสงบร่มเย็น แล้วถ้าหลายๆ คนช่วยกันทำ ความสงบร่มเย็นก็จะแผ่ออกไป อย่างมาดูในวัดหลวงพ่อนี่สิ สงบร่มเย็น ถ้าพูดถึงมาตรฐาน เพราะทุกคนพยายามฝึกตัวเอง ไม่สนใจสิ่งเร้า ถูกเร้าแล้วก็เต้นตามโลกไป มีแต่ทุกข์ไม่มีอะไร ถ้าไม่แน่จริง ไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ต้องพูด ไม่ต้องมีความเห็นมาก

ภาวนาของเราให้ดี การที่เราออกความเห็นมั่วซั่วไปเรื่อยๆ หรือแชร์อะไรมั่วซั่วไปเรื่อยๆ มันกระตุ้นให้สังคมส่วนรวมวุ่นวายมากขึ้น คนต้องการผู้ทำงานตอนนี้ต้องการกำลังใจ เพราะว่าร่างกายเขาเหนื่อยเต็มทีแล้ว ถ้าไม่มีกำลังใจก็ทำไม่ได้แล้ว ฉะนั้นพวกเราก็อย่าไปสร้างความเครียด ให้เกิดขึ้นในสังคมให้มากขึ้น อย่างน้อยในบ้านเรารักษาความสงบไว้ ตั้งกฎเกณฑ์ในบ้านเลยว่า เข้าบ้านห้ามพูดเรื่องการเมือง บอกไว้เลยอยู่ในบ้านห้ามพูดเรื่องการเมือง บ้านจะสงบ ค่อยๆ ฝึกไป ของหนูเจริญเมตตาไว้ แล้วมันจะดีขึ้น

 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
24 กรกฎาคม 2564