เริ่มเห็นจิตที่หนีไปคิดได้บ้าง แต่บางวันก็ยังฟุ้งซ่านอยู่มาก ถ้าวันไหนลืมเตือนตัวเองก็จะเผลอไปนาน

คำถาม:

ส่งการบ้านครั้งที่แล้ว หลวงพ่อให้โยมไปเดินจงกรมแล้วรู้ทันจิตไป เอาจิตเป็นหลัก ไม่ได้เอาคำบริกรรมหรือการเดินเป็นหลัก โยมก็นำไปปฏิบัติตาม ก็เริ่มเห็นจิตที่หนีไปคิดได้บ้าง แต่บางวันก็ยังฟุ้งซ่านอยู่มาก ในระหว่างวันก็จะพยายามรู้กายที่เคลื่อนไหว แต่ก็ยังมีความจงใจและต้องคอยบอกตัวเองบ่อยๆ ให้รู้สึกตัว ถ้าวันไหนลืมเตือนตัวเองก็จะเผลอไปนาน ขอหลวงพ่อเมตตาชี้แนะข้อผิดพลาด และขอการบ้านไปปฏิบัติให้พัฒนาต่อไปด้วยค่ะ

 

หลวงพ่อ:

ไม่ผิดหรอกที่ทำอยู่ มันค่อยๆ ดี แต่มันไม่ได้ดีปุบปับทันใจหรอก สติ สมาธิ ปัญญาอะไรพวกนี้มันเป็นของเสื่อม บางวันก็มีสมาธิ บางวันก็ไม่มีสมาธิ บางวันสติเกิดเร็ว บางวันเกิดช้า เผลอไปตั้งชั่วโมงแล้วยังไม่รู้เลยอะไรอย่างนี้ เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก หน้าที่ของเราทำเหตุไปเรื่อยๆ แล้วผลมันเป็นเอง เราจะเห็นว่าถึงเราทำเหตุทุกวันเหมือนกัน แต่ผลที่ได้ในแต่ละวันนี่ไม่เคยเหมือนกัน วันนี้จิตสงบ วันนี้จิตฟุ้งซ่าน วันนี้สติเกิดบ่อย วันนี้สติไม่ยอมเกิดอะไร วันนี้เห็นไตรลักษณ์ วันนี้ไม่เห็นเลยอะไรอย่างนี้ เราจะเห็นว่าทำเหตุเหมือนกัน คือปฏิบัติเหมือนกันทุกวันๆ ผลที่ได้ไม่เคยเหมือนกันหรอก แล้วก็ไม่ต้องทำให้มันเหมือนกัน เราจะเห็นว่าในความเป็นจริงแล้ว มันมีสิ่งที่ error อยู่ เราควบคุม input เหมือนกันทุกวันเลย ปฏิบัติเหมือนกัน output ไม่เคยเหมือนกัน ผลที่ได้

มันมีสิ่งที่ error อยู่ ตัวนี้ล่ะคือตัวไตรลักษณ์ เห็นไหมจิตบางทีก็สงบ บางวันก็สงบ บางวันทำอย่างไรก็ไม่สงบ เพราะจิตนี้เป็นไตรลักษณ์ นี่ธรรมะมันสอนเรา แต่เราคิดว่าอย่างนี้ไม่ใช่ธรรมะ ถ้าเป็นธรรมะต้องดีตลอด ต้องสุข สงบตลอด ฉะนั้นการที่มันเห็นมันแปรปรวน นั่นล่ะธรรมะ ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ เราจะรู้เลยว่าไม่น่าตกใจ จิตฟุ้งซ่านก็ไม่น่าตกใจ จิตสงบก็ไม่น่าดีใจ จิตสงบเดี๋ยวมันก็ฟุ้ง จิตฟุ้งซ่านก็ไม่น่าเสียใจ ฟุ้งซ่านได้เพราะว่าเราบังคับมันไม่ได้ แต่ว่าเราปฏิบัติเราทำเหตุสม่ำเสมอ เราจะเห็นไตรลักษณ์ได้ชัดเจน ที่ฝึกอยู่ใช้ได้ ที่ฝึกอยู่ดีมากๆ ด้วย ไปฝึกเอา

 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
18 กรกฎาคม 2564