เจริญพรทุกๆคน เมื่อเช้าก็ฟังอยู่ที่วัด บ่ายมานี่อีกแล้ว ธรรมะแบบนี้ มันเป็นคำพูด เพื่อสื่อความเข้าใจเท่านั้น ธรรมะของจริงนอนอยู่ในโลงนั้น ธรรมะของแท้ สอนเราเกิดแล้วแก่แล้วเจ็บแล้วตาย หลวงพ่อรู้จักป้าโหน่งมาราวๆ 49 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2518 เกิดปีเดียวกัน แต่แกไม่ค่อยแข็งแรง ตอนมัธยมปลาย เป็นเนื้องอกในสมอง ผ่าก็เลยไม่ค่อยแข็งแรงมาตลอด แต่พื้นจิตใจเขาดี ค่อนข้างร่มเย็น ใจดี นานๆ โมโหที ส่วนมากอารมณ์จะเย็นๆ ไม่พอใจก็บ่นเบาๆ นิดหน่อย ช่วงปีหลังๆ ก่อนจะตาย เข้าไปฟังธรรมที่วัดเป็นประจำ ทุกเสาร์ทุกอาทิตย์ ธรรมะพอใจมันสนใจ ได้ยินได้ฟังบ่อยๆ ใจเคล้าเคลียอยู่กับธรรมะ การปฏิบัติมันก็ไม่ยากอะไร
สติเขาดี พูดไม่ค่อยเป็นหรอก พูดไม่ค่อยได้ แต่จิตเขาสบาย สติไวมาก พวกเราบางทีสู้เขาไม่ไหวด้วยซ้ำไป เขาจะตาย เอนตัวลงไปบนที่นอน ยังอุตส่าห์เอื้อมไปหยิบหมอนมารอง จะตายก็ต้องตายไปให้ครบหลักสูตร นอนก็ต้องหนุนหมอนด้วย นี่มีสติ ของอย่างนี้ ขอกันไม่ได้ ต้องฝึกเอา ตอนนี้ป้าโหน่งเขาก็สอนธรรมะเราแล้ว ชีวิตทุกคน เดินทางเข้าใกล้ความตายเป็นลำดับๆ ไป ไม่มีใครหนีพ้นหรอก บางคนนั่งเห็นหน้ากันอยู่เช้าๆ สายๆ ก็ตายก็มี เมื่อก่อนหลวงพ่อก็เคยเห็น อยู่ที่วัดป่าแห่งหนึ่ง เราไปภาวนาอยู่บนภูเขา โรงครัวอยู่เชิงเขา แม่ครัวทำอาหารเสร็จแล้ว ให้คนอื่นกิน เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไป แล้วแกก็กินข้าว แกสำลักข้าวตาย เห็นกันตอนเช้า สายๆ ตายไปเรียบร้อยแล้ว
รีบสะสมแต้มของเราไว้ให้ดี
ทำทาน รักษาศีล ภาวนา
พระพุทธเจ้าท่านเปรียบชีวิตคนเรา แตกดับง่ายเหมือนหม้อดิน ถ้าคนอายุเยอะๆ ก็รู้จักหม้อดิน ยุคนี้ไม่รู้จักแล้ว หม้อดินกระทบอะไรนิดหนึ่งก็แตกแล้ว อย่างบาตรพระ สมัยโบราณเป็นบาตรดิน จะต้องมีสติ ถือไม่ดีก็แตก ชีวิตมันแตกดับง่าย หายใจเข้าแล้วไม่ได้หายใจออก ก็ตายแล้ว หายใจออกไม่ได้หายใจเข้าก็ตาย อากาศเย็นเกินไปก็ตาย อากาศร้อนเกินไปก็ตาย อย่างป้าโหน่ง ช่วงนี้อากาศร้อน ร้อนเกินไป ขันธ์ รูปขันธ์ก็แตก สิ่งที่เรียกว่ารูป นิยามของมันก็คือสภาวะที่แตกดับได้ ด้วยความร้อนความเย็นเป็นต้น คือนิยามของคำว่ารูป อย่างร่างกายเรา ร้อนจัดก็ตาย เย็นจัดก็ตาย เป็นของที่ตายง่ายๆ ไม่ได้คงทนอะไรนักหนาหรอก
คนส่วนใหญ่ประมาท ไม่มีใครคิดหรอกว่าตัวเองจะตายเร็ว ก็คิดว่าวันนี้ยังไม่ตาย บางคนว่าปีนี้ก็ยังไม่ตาย ก็จะหลงอะไรเพลินๆ หลงโลกไปวันหนึ่งๆ เท่านั้น พอจวนจะตายจริง เริ่มวุ่นวายแล้ว ที่วัดมีเรื่อยๆ ใกล้จะตายแล้ว รีบมาหาหลวงพ่อ มาขอธรรมะ โอ๊ย จะขอธรรมะอะไร จะตายอยู่แล้ว ตอนแข็งแรงทำไมไม่ขอ ตอนจะตายแล้วมาขอธรรมะ มันก็เหมือนคนเรือแตก ตกน้ำแล้วมาถามหาวิธีว่ายน้ำ มันไม่ทันกินหรอก เพราะฉะนั้นถ้าเรา อยากเตรียมความพร้อม ว่าตายอย่างไร ถึงจะดี เราก็ต้องเริ่มลงมือ ฝึกจิตตัวเองให้ดี ถ้าจิตเราดี อย่างไร ก็ตายดี ถ้าจิตเราไม่ดี อย่างไร ก็ตายไม่ดี ไม่มีใครช่วยใครได้ อย่างมาหาหลวงพ่อ และจิตในขณะนั้นเกิดศรัทธา จิตก็เป็นกุศลขึ้นมา เวลาจะตายนึกถึงตรงนี้ มันก็ไปดีได้ ถ้าเวลาจะตาย จิตมันคุ้นเคยกับความชั่ว มันก็เกิดนิมิตที่ไม่ดีขึ้นมา
อย่างบางคนชอบฆ่าไก่ เชือดคอไก่ ทุกวันต้องเชือดวันละตัวๆ เลี้ยงเหล้าเพื่อน แล้วเชือดไก่ ไม่ได้เชือดเองด้วย ใช้ลูกน้องเชือดทุกวัน เวลาจะตาย จิตมันเกิดนิมิต เห็นภาพไก่ขึ้นมา มีนิมิตเกิดขึ้น ครูบาอาจารย์ พอดีท่านอยู่ที่นั่นพอดี ท่านก็ช่วยแผ่เมตตาไป ก็รอดพ้นจากการเป็นเดรัจฉาน ได้เลื่อนยศขึ้นมานิดนึง ไปเป็นอสุรกาย สัตว์เดรัจฉานเป็นภูมิที่ต่ำ ฉะนั้นอย่างบางคน อยากเป็นหมา อยากเกิดเป็นหมาฝรั่ง สัตว์เดรัจฉานมันเป็นภูมิที่ต่ำที่สุดแล้ว เพราะเป็นภูมิของโมหะ ฉะนั้นก็อย่าไปตั้งใจขอเป็นสัตว์เดรัจฉาน นี่คนแก่คนนี้แกก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปเป็นไก่ แต่ภาพไก่มันเกิดขึ้น นี่อาศัยเคยทำบุญกับครูบาอาจารย์ไม่ใช่หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ทางวัดป่า พอดีท่านมาที่บ้านพอดี ท่านก็แผ่เมตตาให้ นิมิตไก่มันก็หายไป
จิตมันก็ไปจับเป็นอสุรกายแทน อสูรกายร่างกายน่าเกลียด ดูแย่กว่าเปรตอีก เปรตยังดูสวยงาม เปรตมีหลายระดับ เปรตบางชนิดก็รูปร่างงามมากเลย พวกเปรตพระ พระเป็นเปรตเยอะ เปรตพระถ้าถือศีลดีแต่ตอนตายมีโลภะหน่อย เดินธุดงค์ไปในป่าแล้วหลงป่าหิวข้าว อยากจะหาข้าวมาฉัน อุตส่าห์ภาวนามาทั้งชีวิต ขณะที่ตาย ขณะจิตนั้นเท่านั้นเอง ก็ไปเกิดเป็นเปรต แต่ว่าเป็นเปรตที่ผ่องใส สว่างไสวผ่องใสงดงาม แต่ว่าหิว จิตสุดท้ายตัวสำคัญเลย
คนแก่คนนั้น พอแกเป็นอสุรกาย ลูกหลานก็ทำบุญ พอทำบุญแล้วก็กำหนดจิต เขาก็นักปฏิบัติเหมือนกัน กำหนดจิตขอเชิญพ่อมารับส่วนบุญ พอกำหนดจิตเชิญ หมาหอนเลยเป็นแบ็คกราวด์ ไม่รู้พวกแต่งเรื่องผีชอบเล่าว่าหมาหอน หมามันหอนจริงๆ เคยเจอหลายงานแล้ว หมามันหอนแล้วก็ได้กลิ่น กลิ่นเหม็นเน่าตลบทั้งบ้านเลย ลูกที่เชิญพ่อมารับส่วนบุญ รักมากรักพ่อมากเลย พอได้กลิ่นเน่ามา ตกใจ รีบบอกพ่อเลย พ่อไม่ต้องลำบากมาเดี๋ยวส่งไปให้ เดี๋ยวอุทิศไปให้ นี่ความรักของคน รักกันมากเลย พอตายแล้วกลัว ขอให้ไปที่ชอบๆ เถอะ
ชีวิตไม่มีความแน่นอนอะไรหรอก ฉะนั้นเราจะต้องรีบสะสมแต้มของเราไว้ให้ดี ทำทาน รักษาศีล ภาวนา ต้องทำ ทำทานแต่ว่าภาวนาไม่เป็น มองไม่ออก ว่าที่เราทำทาน บางคนจำนวนมากเลย ทำทานแล้วไม่ได้เสียสละจริง แต่ทำทานแล้วหวังผลอยากได้อย่างโน้นอยากได้อย่างนี้ อันนี้ทำบุญแล้วก็เจือกับบาป ไม่ได้บุญ 100 เปอร์เซ็นต์หรอก ได้ความโลภแทรกเข้ามาด้วย บุญแบบนี้บุญกระพร่องกระแพร่ง ไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นถ้าเราจะสะสมคุณงาม ความดี จะทำบุญก็ทำด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆ ทำบุญด้วยใจที่บริสุทธิ์เป็นอย่างไร ทำด้วยใจที่เสียสละออก ไม่ใช่ทำเพื่อจะเอาเข้าตัว บางคน ทำบุญแล้วก็อยากได้ผลประโยชน์ตอบแทน อยากเอาเข้าตัว แบบนั้นได้บุญเล็กน้อยหรอก เพราะว่าจิตมันโลภ ที่สำคัญการทำบุญ ไม่จำเป็นต้องเสียสตางค์
บุญมีตั้ง 10 ประการที่จะทำได้ อย่างเราเห็นคนเขาทำดี เราไปช่วยเขาทำ ก็เป็นบุญ เป็นไวยาวัจจมัยก็เป็นบุญ เห็นคนทำความดีแล้วเราไปช่วยเขาอะไร ไม่เห็นต้องเสียสตางค์เลย บุญเสียสตางค์มันก็มีอันเดียว ทำทาน ชนิดวัตถุทาน ก็ต้องเอาของไปบริจาค แต่บุญส่วนใหญ่ ไม่ต้องเสียเงินหรอก ทำให้เป็นเท่านั้นเอง เห็นคนเขาทำดีแล้วดีใจกับเขา ก็เป็นบุญแล้ว เห็นกิจการที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม ไปช่วยเขาทำ นี่ก็เป็นบุญ เพราะฉะนั้นคนยากคนจนก็สามารถทำบุญได้ ในขณะที่คนรวยคิดแต่ว่าจะเอาเงินจ่าย แล้วก็หวังมีชื่อเสียง ให้หนังสือพิมพ์มาถ่ายรูป ลงโซเชียล บุญอย่างนี้กระพร่องกระแพร่ง ไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นเวลาเราทำบุญ ทำคุณงามความดี ทำด้วยใจที่สะอาดจริงๆ บุญมันสูงกว่ากัน
สิ่งที่สูงกว่าการทำทาน คือการรักษาศีล การทำทานมันมีหลายระดับ เรื่องวัตถุทานนี้ต่ำสุดแล้ว อย่างเราบริจาคโลหิต หรือบริจาคร่างกายนี้เป็นทานที่สูงกว่าการให้เงิน อย่างเอาเงินไปทำบุญ ทำง่าย แต่บริจาคโลหิตบางคนกลัวแล้ว รักตัวกลัวเจ็บกลัวตาย ไม่กล้าที่จะทำ ฉะนั้นคนที่ทำได้ ทำบุญ สละเลือดเนื้อตัวเองได้ บุญมันสูง สูงกว่ากัน บุญที่สูงที่สุดคือการให้ธรรมะเป็นทาน แต่เราจะให้ธรรมะเป็นทานได้ เราต้องมีธรรมะ ถ้าเราไม่มีธรรมะ เราก็ไม่ได้ให้ธรรมะเป็นทานจริง อย่างบางคนไปซื้อหนังสือธรรมะ เอาไปแจก แล้วบอกว่าเป็นธรรมทาน อันนั้นไม่ใช่ธรรมทาน เป็นแค่วัตถุทาน สิ่งที่เราให้คือวัตถุ ฉะนั้นเราอยากทำธรรมทาน เราต้องมีธรรมะก่อน แล้วเราให้ธรรมะ แล้วต้องให้แบบไม่หวังผล จะได้บุญแรง
นี่แค่เรื่องทานมันก็กว้างขวางมากมายแล้ว ถ้าทำได้ มีโอกาสทำก็ทำ อย่างถ้าเราไม่มีธรรมะในตัวเรา คนไหนเรารู้ว่ามีธรรมะ ครูบาอาจารย์ท่านนี้ ครูบาอาจารย์องค์นี้ เผยแพร่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราไปช่วยงาน เราเป็นผู้สนับสนุน เราไม่ได้ให้ธรรมะโดยตรง แต่เราสนับสนุน นี่ก็เป็นบุญ เห็นไหมบุญนั้นไม่ต้องเสียสตางค์ เยอะแยะเลยที่จะทำได้
บุญถัดไปคือศีล ถ้ามีศีล มันดีอย่างไร ศีลเป็นเครื่องมือข่มใจ ไม่ให้วิ่งตามกิเลส อย่างกิเลสคือความโกรธ เกิดขึ้นอย่างรุนแรง เราจะตีเขาแล้ว จะด่าเขาแล้ว จะฆ่าเขาแล้ว เรารู้สึกอย่างนี้มันผิดศีล เราอดทนเราอดกลั้น ไม่ยอมทำผิด อย่างนี้เรียกว่าเรามีศีล เป็นเครื่องข่มใจตัวเอง ไม่ให้ทำชั่ว แล้วถ้าดีกว่านั้น ศีลมันเป็นเครื่องข่มใจ ไม่ให้ทำตามกิเลส
ส่วนภาวนาเป็นเครื่องข่มกิเลส ภาวนามันมี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งทำความสงบคือสมถกรรมฐาน เป็นเครื่องข่มกิเลส ไม่ให้มีอำนาจเหนือใจ กลับข้างกับศีล ศีลนั้นข่มใจ ไม่ยอมแพ้กิเลส สมาธิชนิดสงบ ข่มกิเลสด้วยกำลังของสมาธิ กิเลสก็ไม่มีกำลังที่จะมาครอบงำใจ การภาวนาอีกระดับหนึ่งคือ วิปัสสนากรรมฐาน เรียนรู้ เข้าไปถึงรากถึงเหง้าของกิเลส ขุดรากถอนโคนกิเลส เอาชนะกิเลสได้เด็ดขาด ด้วยปัญญาอันยิ่ง ฉะนั้นตัวที่จะทำให้เราเข้าถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้นจริงๆ คือตัวปัญญา คือความรู้ถูกความเข้าใจถูก อย่างเรารู้ถูกเราเข้าใจถูก ว่าเกิดแล้วต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย
ภาวนาไว้ให้ดี ธรรมะคุ้มครอง
เมื่อก่อนหลวงพ่อชอบไปงานศพ งานอื่นไม่ไปหรอก ไม่ชอบ ไปงานศพ ใจมันพิจารณาธรรมะ คนนี้เขาแสดงธรรมะให้เราเห็นแล้ว เขาตายให้เราดูแล้ว ก่อนตายบางคนรวย บางคนมีชื่อเสียง มีอะไรต่ออะไรมากมาย สุดท้ายไม่มีอะไรเลย ที่จะติดตัวไปได้ เหลือความดีความเลว ถึงเวลาจะเผาศพ ลูกหลานก็มาอ่านประวัติ ไปฟังเรารู้จัก คนนี้ดี คนที่ตาย ฟังประวัติเราไม่รู้ประวัติใคร ทำไมมันดีเหลือเกิน ก็อวยๆ กันไปตามธรรมเนียม แล้วก็อธิษฐานขอให้ไปสวรรค์ ไม่ต้องอธิษฐาน คนเราตายปุ๊บเกิดปั๊บ ตายเมื่อไหร่ก็เกิดเมื่อนั้นล่ะ ไม่ต้องมานั่งรอให้เราอธิษฐานส่งไปที่โน่นส่งไปที่นี่หรอก สิ่งที่ส่งเขาได้คือกรรม และกรรมสำคัญคือกรรมของตัวเขาเอง กรรมที่เราส่งให้บุญที่เราส่งให้ บางทีก็ได้รับ บางทีก็ไม่ได้รับ โอกาสที่ได้รับ มีไม่มากหรอก
อย่างถ้าไปเกิด ตายปุ๊บเกิดเป็นหมา กรวดน้ำไปให้ หมาไม่รู้เรื่อง หรือไปเกิดเป็นคน เราทำบุญไปให้ เขาไม่รู้เรื่องหรอก ไปเป็นเทวดา พอตายปุ๊บขึ้นไปสวรรค์ พวกเทวดาก็มาแสดงความยินดี คนที่เพิ่งขึ้นไปใหม่บอก เดี๋ยวหมดการต้อนรับแล้วจะกลับมาเยี่ยมญาติมิตร ไม่ทันหรอก ญาติมิตรตายไปหมดแล้ว เวลาของมนุษย์กับสวรรค์ ความเร็วแตกต่างกัน ระดับความเร็วไม่เท่ากัน มิติมันต่างกัน ฉะนั้นจะไปเป็นเทวดา เราทำบุญให้ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้รับหรอก ยิ่งไปเป็นพรหม ไม่ได้สนใจใครเลย ทำความสงบเข้ามา หรือไปเกิดในสัตว์นรก สัตว์นรกไม่รู้เรื่อง ชีวิตจมแต่ความทุกข์ รับส่วนบุญไม่ได้
ตัวที่รับส่วนบุญได้จริงๆ มีเปรตอยู่พวกหนึ่ง เขาเรียกว่าปรทัตตูปชีวิกเปรต เปรตพวกนี้มันมีสภาวะที่ใกล้เคียงกับคนมากเลย ทางอิสานบางทีก็ไปเรียกพวกนี้ว่าพวกบังบด เคยได้ยินไหมพวกบังบด พวกบังบดชอบไปอยู่ใกล้ๆ ครูบาอาจารย์ เมื่อก่อนก็มีคนหนึ่ง ไปงานศพหลวงปู่เทสก์ พอไปเผาศพเสร็จ อีกวันเขายังพักอยู่ที่วัด วัดสาขา เขาได้ยินเสียงคนกำลังอพยพ ขนข้าวขนของ ต้อนวัวต้อนควาย พวกนี้สภาวะเหมือนคนเลย ทำมาหากินอะไรคล้ายๆ คน ถามดูว่าจะไปไหน บอกจะย้ายที่อยู่แล้ว ตรงนี้ไม่มีเนื้อนาบุญอยู่ ไม่ได้รับส่วนบุญแล้ว ก็จะหนีไปอยู่ที่อื่นที่ยังมีครูบาอาจารย์ที่ภาวนาอยู่
คนไม่เอาไหน กระทั่งเปรตมันยังไม่อยากอยู่ด้วยเลย มันยังย้ายบ้านหนี อพยพกัน พากันไป มันมีสัตว์น้อยชนิดที่ว่าเราทำบุญแล้วก็รับได้ เราไม่รู้ว่าเราตายแล้ว เราจะเป็นสัตว์ชนิดไหน เพื่อความปลอดภัย เราสร้างบุญสร้างกุศลของเราด้วยตัวของเราเองไว้ก่อน ไม่ต้องมารอให้คนอื่นเขาอุทิศให้ เขาจะอุทิศหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าเขาอุทิศให้แล้ว เรารับได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ มันไม่มีอะไรที่แน่นอนสักอย่างเดียวเลย เพราะฉะนั้นความดีใดๆ ก็ตาม จะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ความดีใดๆ ก็ตาม มีโอกาสทำให้รีบทำ อย่ารอไว้ก่อน อย่าผัด เอาไว้ก่อนเอาไว้ก่อนเอาไว้ก่อน แล้วไม่ได้ทำ แล้วเราจะเสียใจทีหลัง เพราะฉะนั้นความดีมีโอกาสทำให้รีบทำ จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง
ยิ่งคนรุ่นเรา คนแก่ลูกหลานไม่ได้อยู่ด้วย สังคมมันเปลี่ยน การทำมาหากินมันเปลี่ยน คนโบราณทำไร่ทำนามีลูกมีหลานมากก็มีแรงงานมาก ทำนาได้เยอะ ยุคนี้ไม่ได้ทำมาหากินแบบนั้นแล้ว มันเปลี่ยน เด็กโตขึ้นมาก็ไปเรียนที่อื่น จบแล้วก็ไปทำงานที่อื่น คนแก่ก็ตกค้างอยู่ คนแก่ที่ตกค้างอยู่ ภาวนาไม่เป็นน่าสงสาร ก็นั่งนึกเมื่อไหร่ลูกหลานจะมาเยี่ยม อะไรต่ออะไร สังคมยุคนี้ไม่ต้องห่วงว่าลูกหลานจะเยี่ยมหรือไม่เยี่ยมหรอก มันเลี้ยงตัวมัน มันยังไม่รอดเลย มันจะมาดูแลเราได้อย่างไร สังคมมันเปลี่ยนแปลงเร็ว คนที่มีกำลังยังแข็งแรง ยังหนุ่มยังสาว ยังแข็งแรงยังมีโอกาส เขาก็ลุยไปข้างหน้า เพื่อเอาตัวรอด คนแก่แล้ว เป็นเครื่องพะรุงพะรัง เขารู้สึกไม่มีประโยชน์ บางทีก็ไม่ใช่ว่าไม่รักหรอก แต่ไม่มีเวลาไม่มีกำลังที่จะดูแล
ฉะนั้นพวกเราเตรียมตัวแก่ไว้ให้ดี ภาวนาไว้ให้ดีเถอะ แล้วธรรมะคุ้มครองเรา อย่างเราแก่แล้วเรามีธรรมะอยู่ในจิตใจ คนเข้าใกล้เราก็ร่มเย็น ยิ่งเราเข้าใจธรรมะ เรามีลูกเยอะเลย บางคนมีลูกตัวจริงออกมาเอง เป็นลูกของเราเอง โตขึ้นก็ไปที่อื่น แต่เราให้ธรรมะเป็นทาน เป็นทานใหญ่ เรามีลูกอีกเป็นจำนวนมากเลย ลูกพวกนี้จิตใจจะเปิดกว้าง พร้อมจะช่วยเหลือ นี่เป็นระบบของชาวพุทธเรา เรามีหน้าที่ภาวนาให้ดี พอเราภาวนาดีแล้ว เราก็ช่วยสงเคราะห์คนอื่น แจกธรรมะเป็นทาน พอเราแจกธรรมะเป็นทาน คนที่มีธรรมะมีศีลมีธรรมก็จะเข้ามาแวดล้อม เราก็จะอยู่ในแวดวงของคนมีศีลมีธรรม มีธรรมะไม่เงียบเหงาหรอก แต่บางคนเอาลูกเป็นสรณะ ไม่เคยภาวนา พอลูกไม่มาหา ก็ด่าลูกแช่งลูกแล้ว ฉะนั้นชีวิตที่หวังพึ่งคนอื่น ไม่มีความสุขจริง
แต่ไม่ว่าชีวิตจะดีหรือจะเลว สุดท้ายเราก็อยู่ในโลกนี้ชั่วคราวเท่านั้นล่ะ จากไปโดยมีสมบัติติดตัวไปหรือว่าไม่มี จะต้องรอรับส่วนบุญของคนอื่น เราทำเอาเองได้ทั้งนั้น ฉะนั้นก็ขอแนะนำ มีโอกาสทำทานก็ทำ มีโอกาสรักษาศีล ให้รักษา ต้องรักษา ชาวพุทธถ้าไม่รักษาศีลอย่ามาพูดเรื่องภาวนา ทำไม่ได้จริง กระทั่งกิเลสหยาบๆ ยังสู้ไม่ได้เลย จะไปสู้กิเลสละเอียดได้อย่างไร เราภาวนาเราสู้กับความหลงผิด ไม่ใช่เรื่องง่าย กิเลสตระกูลที่ละเอียดที่สุดคือตระกูลโมหะ ฉะนั้นที่เราภาวนา ตัวที่เป็นศัตรูสุดยอดเลยก็คือตัวโมหะ ตัวโง่ตัวอวิชชา กระทั่งกิเลสหยาบๆ ราคะโทสะโมหะยังสู้ไม่ไหว แล้วจะไปสู้กิเลสชั้นครูชั้นปรมาจารย์ได้อย่างไร
ฉะนั้นเราต้องฝึกตัวเรา ทั้งทำทาน มีโอกาสก็ทำ แต่บอกแล้วว่า ทำทานไม่ใช่แค่จ่ายเงิน มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่นได้ก็ช่วย เห็นหมาอดอยากสงสารมัน ให้อาหารมันสักมื้อหนึ่งก็ยังดี อะไรอย่างนี้ แต่อย่าไปผูกพันรักใคร่ ถ้าผูกพันรักใคร่ ตอนตายนิมิตหมาเกิดขึ้นมา ก็ไปเป็นลูกไอ้ตัวนั้นหล่ะ ก็ไม่ดี
สรุปก็คือมางานศพทั้งที คนตายเขาได้แสดงธรรมะให้เราดู ว่าเกิดแล้วตายแน่นอน พวกเรายังไม่ทันจะตาย เรามาฟังธรรมะเพื่อเตรียมตัวตายอย่างมีศักดิ์ศรี เตรียมตัวตายอย่างคนมีปัญญา แบบลูกศิษย์มีครู ไม่ใช่ตายแบบอนาถา ตายแล้วก็ต้องมาวิ่งตะกาย ขอให้คนแผ่ส่วนบุญให้ หวังพึ่งอะไรอย่างนั้น พวกผีพวกเปรต อายุมันยืนกว่าคน สมมุติว่าเราไปเป็นเปรต ลูกหลานเราทำบุญให้เรา เหลนเราตายแล้ว เรายังไม่ตายเลย ไม่มีใครทำบุญให้แล้ว ต่อไปก็เป็นผีไร้ญาติจนได้ พูดง่ายๆ อายุยืนกว่ามนุษย์ เพราะฉะนั้นทำไว้ด้วยตัวเองปลอดภัยที่สุด
สำนักสงฆ์โสธรธรรมนิมิต
6 เมษายน 2567 (ช่วงบ่าย)