เห็นตัวเองมีกามราคะมาก จึงรักษาพรหมจรรย์อีก 1 ข้อ ขณะที่เห็นจิตเกิดราคะ โกรธหลง มันจะค่อยๆ หายไป

คำถาม:

รักษาศีล 5 เห็นตัวเองมีกามราคะมาก จึงรักษาพรหมจรรย์อีก 1 ข้อ รูปแบบทำโดยสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ระหว่างวันเห็นร่างกายเป็นของถูกรู้ ดูจิตเกิดราคะ โกรธ หลง ขณะที่เห็นจิตเกิดราคะ โกรธหลง มันจะค่อยๆ หายไป ขอหลวงพ่อช่วยชี้แนะการปฏิบัติครับ

หลวงพ่อ:

การภาวนาอย่าให้เครียดเกินไป บางทีเราเคี่ยวเข็ญตัวเองรุนแรงเกินไป มันจะเครียด ค่อยๆ พัฒนาเป็นลำดับๆ ไป อย่างการถือพรหมจรรย์ อยู่ๆ หักดิบถือพรหมจรรย์แล้วใจมันจะเครียด ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ฝึกไป เราไม่ใช่พระ บางทีกดดันตัวเองเยอะไป มันก็ภาวนาลำบากนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้ปล่อยให้ตามใจกิเลส ไม่ให้ผิดศีลนั่นล่ะ รักษาศีล อย่างน้อยศีล 5 รักษาให้ดี แค่นี้ก็บรรลุมรรคผลได้ ที่ฝึกอยู่ดีนะ ใช้ได้ แล้วถ้าเราสังเกตตัวเองไป อย่างถ้าเราจะประพฤติพรหมจรรย์ แล้วจิตใจเราไม่เครียด เราพอสู้ได้ พอประพฤติได้เราก็ประพฤติไป แต่ถ้าประพฤติพรหมจรรย์แล้วเครียด เจอใครก็ทะเลาะกับเขาหมดเลย อันนั้นไม่ถูกแล้ว อันนั้นเก็บกดเกินไป

ฉะนั้นเราสังเกตตัวเอง ข้อวัตรปฏิบัติแค่ไหนพอดีสำหรับเรา เดินในทางสายกลาง ไม่ตึง ไม่หย่อน ตามสภาวะของเรา อย่างพระต้องประพฤติพรหมจรรย์ ฆราวาสถือศีล 5 เสพกามอยู่ บรรลุธรรมะได้ ถ้าพระถือศีล 227 แค่ช่วยตัวเอง จิตไม่รวมแล้ว สมาธิพังหมดแล้ว นี้สถานะที่แตกต่างกัน ศีลที่ต้องรักษาก็แตกต่างกัน ฉะนั้นเราดูแค่ไหนพอดีสำหรับเรา แต่ไม่ใช่ตามใจกิเลส ตามใจกิเลสก็กินเยอะๆ พอดี นอนเยอะๆ พอดี เสพกามแล้วพอดี อันนั้นกิเลสมันหลอก

ดีนะ ใช้ได้ สมาธิทรงตัวขึ้นมาได้ดีเลย อย่าแต่งอย่างนี้ตรงนี้ไม่ใช่ ธรรมดา ตรงนี้แต่งเอาแล้วรู้สึกไหม อย่าไปแต่งมัน อย่าไปแต่งจิต จิตเป็นอย่างไรก็รู้อย่างนั้น อย่าไปแต่งมัน อย่าไปน้อมให้ซึม จิตที่สงบไม่ใช่จิตที่ซึมๆ มันรู้ มันตื่น มันเบิกบาน ไม่ใช่เซื่องซึม หงอยๆ ไม่ใช่ อันนั้นเป็นมิจฉาสมาธิ เออ หายใจไปรู้สึกตัวไป ทำไปเรื่อยๆ ทำได้ทั้งวันยิ่งดี

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 3 ธันวาคม 2565