เวลาโกรธแล้วรู้ทัน ความโกรธดับไป แต่ความโกรธก็ผุดขึ้นมาใหม่ อยากรู้ว่าถ้าสติตัวจริงเกิด ทำไมความโกรธยังผุดขึ้นมาเรื่อยๆ

คำถาม:

สมถะ ใช้ดูลมหายใจ ในชีวิตประจำวัน ใช้ดูจิต เวลาโกรธแล้วรู้ทัน ความโกรธดับไป แต่ความโกรธก็ผุดขึ้นมาใหม่ บางทีก็รู้ทัน บางทีก็ไม่ทัน อยากรู้ว่าถ้าสติตัวจริงเกิด ทำไมความโกรธยังผุดขึ้นมาเรื่อยๆ

หลวงพ่อ:

ความโกรธเกิดเพราะมีเหตุ ไม่มีเหตุไม่เกิด เหตุของความโกรธคือตัวพยาบาทวิตก เราไปคิดในทางลบ มันจะโกรธ มันโกรธขึ้นมา เรามีสติรู้ มันดับ เราคิดใหม่ โกรธใหม่ เราไปคิดถึงเรื่องที่ทำให้โกรธ ความโกรธก็ผุดขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่ความโกรธตัวเก่าหรอก มันเกิด อันนั้นพอสติรู้มันก็ดับ แต่พอเราไปคิดถึงคนที่เราโกรธ ความโกรธมันก็เกิดขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้นเราจะเห็นมันเกิดเป็นขณะๆ ความโกรธเองก็ไม่ยั่งยืน แล้วเห็นไหมความโกรธเป็นอนัตตา ไม่เจตนาจะโกรธก็โกรธได้เอง

ดูอย่างนี้ ไม่ได้ดูเพื่อให้หายโกรธ เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อล้างกิเลส แต่เราฝึกสติไปเรื่อยๆ ไม่มีกิเลสให้ล้างหรอก เพราะสติเกิดเมื่อไร กิเลสดับเลย อย่างพอเรารู้ว่าโกรธ ความโกรธดับเลย เราไม่ทันจะละมันเลย แต่ว่าพอมันไปคิดในทางลบใหม่ ความโกรธก็เกิดอีก เกิดอีก รู้อีก เกิดอีก รู้อีกไป ถึงจุดหนึ่งมันเฉลียวใจ เอ๊ะ ความโกรธก็เป็นอนัตตา เราห้ามไม่ได้ มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

ที่เราหายโกรธ ไปสังเกตให้ดี ไม่ใช่เพราะเราเก่งหรอก ที่หายโกรธ เพราะขณะนั้นเราลืมคนที่ทำให้โกรธแล้ว ขณะนั้นเรามาดูตัวเอง เราไม่ไปดูคนที่ทำให้เราโกรธ เพราะฉะนั้นเหตุของความโกรธ ไม่มี ความโกรธก็ดับ ไม่ใช่เพราะว่าเราไปดับมันได้ เพราะมันเป็นอนัตตา ฉะนั้นสิ่งใดทั้งหลาย มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ จิตจะโกรธหรือจิตจะไม่โกรธ มีเหตุให้โกรธ มันก็โกรธ คือกระทบอารมณ์ที่ไม่พอใจ ตรึกอยู่ในอารมณ์ที่ไม่พอใจ มันก็เกิดความโกรธขึ้นมา ความโลภก็เหมือนกัน กระทบอารมณ์ที่พอใจ ตรึกไปในทางชอบอกชอบใจ ราคะมันก็เกิด

สมมติเรากำลังเห็นผู้หญิงสวยอยู่ จิตเราชอบมีราคะเกิดขึ้น เราก็เดินๆ ไป ตามดูไป เผลอไม่ได้ดูพื้น เหยียบขี้หมาเข้าแล้ว ขณะที่เหยียบขี้หมาตกใจไหม ขยะแขยงไหม ขณะจิตที่ขยะแขยงขี้หมา รักผู้หญิงคนนั้นไหม ไม่มี เพราะฉะนั้นมันเกิดดับๆๆ เป็นขณะๆ ไป เราไม่ได้ไปดับมันได้ มันดับเพราะเหตุมันดับ แล้วมันก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับ ตรงที่มันเกิดดับได้ เรียกว่าอนิจจัง ตรงที่มันบังคับไม่ได้ เรียกว่าอนัตตา ตรงนั้นล่ะคือตัวปัญญา อย่าไปตั้งเป้าว่าจะฝึกให้หายโกรธ อันนั้นวางเป้าผิด วางเป้าใหม่ โกรธ รู้ว่าโกรธ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 18 ธันวาคม 2565