คำถาม:
หลวงพ่อ:
วิบากมันก็มี ฉะนั้นอย่าไปปฏิเสธมัน ทุกสิ่งที่เรามี ทุกสิ่งที่เราเป็น ทุกสิ่งที่เราพบ มันเป็นตัวผลแล้ว แต่ว่าวิบากทำให้เราเจอผลอันนี้ แต่เราไม่ได้ยอมจำนน เราต่อยอดจากจุดนี้ได้ เราสังเกตลงไปที่จิตของเราเรื่อยๆ เลย สภาวะอย่างนี้เกิดขึ้น จิตเราชอบ รู้ทัน สภาวะอย่างนี้เกิดขึ้น จิตไม่ชอบ รู้ทัน รู้อย่างนี้เรื่อยๆ เลย ทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดีที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มันจะเสมอภาคกันหมดเลย คือมันมาแล้วมันก็ไปๆ เรารู้ไปเรื่อยๆ รู้ไป แล้วถ้าเราเห็นสภาวะอย่างนี้ ยินดี เรารู้ทัน เห็นสภาวะอย่างนี้ ยินร้าย เรารู้ทัน คอยรู้ทันใจที่ยินดี คอยรู้ทันใจที่ยินร้าย รู้บ่อยๆ เล่นมันจุดเดียวนี่ล่ะ พอแล้ว ภาวนาไม่ต้องยุ่งยากอะไร เวลากระทบอารมณ์แล้วจิตยินดีก็รู้ กระทบแล้วจิตยินร้ายก็รู้ รู้อย่างนี้เรื่อยๆ
วิบากมันมีทุกคนล่ะ ห้ามมันไม่ได้ วิบาก ต้นเหตุเราทำไปแล้ว ผลมาเป็นอย่างนี้ เราทำกรรมใหม่ คือการเจริญสติ ถึงวิบากเก่าจะไม่ดี ไม่เป็นไร แต่การเจริญสติ เป็นการทำกรรมใหม่ที่เลิศที่สุดเลย ประเสริฐที่สุดเลย เป็นกุศลที่แรง แล้วก็ดูให้เห็น รู้เท่าทันความยินดียินร้ายที่เกิดขึ้นในจิตใจของเราไปเรื่อยๆ ตรงนั้นเราได้บุญใหญ่ มันจะล้างอิทธิพลกรรมเก่าที่ไม่ดีทั้งหลาย จะหมดโอกาสให้ผลเรา ฉะนั้นเราไม่ต้องไปกังวลกับอดีต อดีตส่วนอดีต อดีตทำให้เรามีปัจจุบันนี้ เมื่อเรามีปัจจุบันนี้ เราใช้ปัจจุบันนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รู้ทันมันไปเลย กระทบอารมณ์แล้วยินดี รู้ทัน กระทบอารมณ์แล้วยินร้าย รู้ทันไป เท่านี้ก็พอแล้วล่ะ ไปทำต่อ
วัดสวนสันติธรรม 4 กันยายน 2565