เห็นความคิดปรุงแต่ง ในชีวิตประจำวัน เห็นความคิดผุดออกมาจากกลางอก บางครั้งก็หลงไปกับอารมณ์ที่ไม่พอใจ

คำถาม:

ทำในรูปแบบโดยเดินจงกรม กำหนดพุทโธ เห็นความคิดปรุงแต่ง ในชีวิตประจำวัน เห็นความคิดผุดออกมาจากกลางอก เป็นคนมีโทสะแรง เวลากระทบบางครั้งก็ไม่ทันความโกรธ และบางครั้งก็หลงไปกับอารมณ์ที่ไม่พอใจ ขอหลวงพ่อได้โปรดเมตตาชี้แนะค่ะ

หลวงพ่อ:

ที่ทำอยู่ก็ใช้ได้ ทำต่อไป แล้วถ้าจิตมันยินดีในสิ่งใดก็รู้ทัน จิตมันยินร้ายในสิ่งใดก็รู้ทันมันไป ก็ดูสภาวะทั้งหลายมันทำงานไปอย่างนั้น แล้วก็รู้ทัน จิตมันยินดีก็รู้ จิตมันยินร้ายก็รู้ บางทีมันยินดีที่จะภาวนา มันก็ไปบังคับจิตเอาไว้ก็มี รู้สึกไหมเราบังคับจิตอยู่ เรายินดีที่จิตเราจะเป็นนักปฏิบัติ นี่ล่ะที่หลวงพ่อพูดแต่แรก นั่นล่ะภพของนักปฏิบัติ เราไปสร้างมันขึ้นมา ก็ค้างอยู่ตรงนั้นนานๆ ตรงนั้นล่ะที่ไม่ถูก ส่วนการเห็นสภาวะทั้งหลาย เห็นได้ดีแล้ว ฉะนั้นปล่อยตัวนี้เสียอย่าล็อกไว้ เราก็จะเห็นสภาวะทั้งหลายเกิดดับ จิตรู้ก็เกิดดับ จิตรู้ไม่ได้เที่ยง แต่ถ้าทรงไว้อย่างนี้ เหมือนจิตรู้เที่ยง อย่าไปรักษามันไว้ ถ้ารักษาแล้วมันจะรู้สึกเที่ยง รู้สึกไหมตัวบนนี้มันเที่ยง ตัวล่างต่างหากที่ไม่เที่ยง นั่นล่ะเราไปสงวนรักษาสิ่งบางสิ่งเอาไว้ เป็นตัวเรา เป็นของเราอยู่
เมื่อ 2 – 3 วันนี้ก็มีพระ พระในนี้มาถามหลวงพ่อ บอก “ผมเห็นแล้วว่ากายไม่ใช่เรา เวทนาคือความสุขทุกข์ไม่ใช่เรา สัญญาไม่ใช่เรา สังขารความปรุงดีชั่วไม่ใช่เรา แต่จิตมันยังเป็นเราอยู่ ทำอย่างไรผมจะละความเป็นเราของจิตเสียได้” หลวงพ่อก็ตอบด้วยความซื่อตรง “ไม่มีใครละได้หรอก ไม่มีใครละความเป็นตัวตนของจิตได้หรอก” เพราะที่จริงมันไม่เคยมี จิตไม่เคยเป็นตัวตนหรอก แต่ว่าอาศัยการหมายรู้ผิด การคิดผิด อาศัยความเห็นผิด อาศัยสิ่งเหล่านี้ เราก็เลยไปเห็นผิดว่าจิตนั้นคือตัวเรา เพราะฉะนั้นจริงๆ เราไม่ได้ไปละความเป็นตัวตนของจิต ซึ่งไม่มี มันไม่มีอยู่แต่แรกแล้ว
เราละอะไร เราละความเห็นผิดว่าจิตมีตัวตน ความเห็นผิดมันก็เริ่มมาจากการหมายรู้ผิด การคิดผิด ก็เลยเชื่อผิด เพราะฉะนั้นพยายามดูจิต จิตเองก็เกิดดับ หมายรู้ให้ถูก หมายรู้ถูกคือเห็นอะไร เห็นจิตก็ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นเรียกเราหมายรู้ถูกแล้ว ต่อไปเวลาเราคิดถึงจิต มันก็คิด อือ จิตมันก็เป็นไตรลักษณ์ เราดูซ้ำๆๆ ไปนานๆ จิตมันก็รู้แจ้งขึ้นมา อือ จิตมันก็เป็นไตรลักษณ์ จิตไม่ใช่ตัวเรา ฉะนั้นไม่มีใครละความเป็นตัวตนของจิตได้หรอก เพราะมันไม่เคยมี ไปละของไม่มี ไปละความโง่ของเราต่างหาก ไม่ใช่ละความเป็นตัวตน ตัวตนไม่เคยมีอยู่แต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉะนั้นภาวนา อย่าไปรักษาจิตไว้ ยังชอบรักษาตัวนี้อยู่ รู้สึกไหม

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 17 กันยายน 2565