หากรรมฐานที่ทำให้เกิดสติตั้งมั่นยังไม่ได้ แต่สังเกตเห็นว่าเวลาเดินจงกรมจะเห็นความคิด และรู้สึกตัวได้ดีกว่าการนั่งสมาธิ

คำถาม:

ไหว้พระสวดมนต์ เดินจงกรม ทุกวันก่อนนอน นั่งสมาธิบ้างบางครั้งแต่ส่วนใหญ่จะเพ่ง ไหว้พระสวดมนต์ก่อนไปทำงานตอนเช้าทุกวัน ตั้งใจรักษาศีล 5 ให้ดีที่สุด เห็นกิเลสตัวเองเยอะขึ้น บางครั้งรู้สึกน่าเกลียดและทำให้ใจเศร้าหมอง หากรรมฐานที่ทำให้เกิดสติตั้งมั่นยังไม่ได้ แต่สังเกตเห็นว่าเวลาเดินจงกรมจะเห็นความคิด และรู้สึกตัวได้ดีกว่าการนั่งสมาธิที่จะตึงแน่นหน้าอกและรู้สึกอึดอัด กราบขอคำแนะนำจากหลวงพ่อค่ะ

หลวงพ่อ:

ฉลาด รู้ว่าอะไรสมควรแก่ตัวเอง เดินแล้วดีก็เดินเอา สู้ ยังมีแรงเดินก็เดินไป บางองค์ท่านชำนาญในการเดินจนกระทั่งเดินนิพพาน ครูบาอาจารย์เคยเล่าให้ฟัง บางองค์ท่านเดินนิพพาน เดินๆ แล้วก็ร่วงผล็อยเหมือนใบไม้ค่อยๆ ร่วงลงไป ท่านทำได้ทุกๆ อิริยาบถ ฉะนั้นถ้าเราถนัดเดิน เราก็เดิน ทำไป ดีแล้วล่ะ ทำอีก

ค่อยๆ เรียน ค่อยๆ รู้กิเลสของเราไป กิเลสเกิด คนทั่วไปบางทีมีกิเลสแล้วมันภูมิใจ แต่พอเราภาวนาเราเห็นกิเลส แหม มันน่าอาย มันน่าอับอาย ดี ถ้าเราเห็นกิเลสแล้วรู้สึกอับอาย เราจะเกิดหิริโอตัปปะ ศีลของเราจะสมบูรณ์มากเลย ไม่ต้องตั้งใจรักษาแต่มันไม่กล้าทำชั่ว มันทำชั่วเพราะกิเลส พอเราเห็นกิเลสแล้วเรารู้สึกละอายใจ มีหิริแล้วก็ไม่กล้าทำ ทำแล้วรู้สึกจิตเศร้าหมอง มีโอตัปปะ ดีแล้วล่ะที่ทำอยู่ ทำเรื่อยๆ แต่อย่าไปเกร็ง อย่าไปบังคับตัวเองมากนักมันเหนื่อย รู้สึกสบายๆ ไป แต่ไม่สบายจนลัลล้าไปเรื่อยๆ อันนั้นไม่ได้ ฟุ้งซ่าน พอดีๆ

คำว่าพอดีพูดง่าย ทำจริงยากๆ ที่หลวงพ่อบอกว่าการปฏิบัติมันมีทั้งยากทั้งง่าย มันยากในเบื้องต้นนี้ล่ะ ทำอย่างไรจิตมันจะตั้งมั่นขึ้นมาได้พอดีๆ ไม่เผลอไม่เพ่ง แต่พอจิตมันไม่เผลอไม่เพ่งได้แล้ว มันเดินในทางสายกลางได้แล้ว จิตมันก็จะมีแนวโน้มไปสู่พระนิพพาน พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนท่อนไม้ลอยอยู่ในแม่น้ำ ถ้าไม่ติดฝั่งซ้าย ไม่ติดฝั่งขวา อยู่ในร่องน้ำไป ท่อนไม้นี้ก็มีแนวโน้มที่จะไปออกสู่ทะเล จิตเราถ้าไม่ไปหลงติดฝั่งซ้ายฝั่งขวา ไม่เผลอไม่เพ่ง มันก็มีแนวโน้มจะพ้นไป แล้วก็อย่าไปเสียท่ากลางทาง เน่าใน บางทีต้นไม้ลอยน้ำไปก็ไปเน่าเสียก่อน ยังไม่ถึงทะเล พวกเน่าในคือพวกทุศีล ศีลด่างพร้อย

บางทีก็ถูกเกลียวน้ำวน น้ำหมุนๆ ไม้ลอยไปไหนไม่ได้ ติดอยู่ที่นั่น อันนั้นคือกามคุณทั้งหลาย ความสุขความสบายในโลกทั้งหลายมันดูดเราไว้ เราเลยไปไม่ได้ ไปนิพพานไม่ได้ บางทีก็โดนมนุษย์จับไว้ ห่วงคนโน้นห่วงคนนี้ บางทีถูกอมุษย์จับไว้ ติดในชื่อเสียง เกียรติยศ ในอะไรต่ออะไร ก็ไปไม่รอด ถ้าเราไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้วจิตเราไม่เอียงซ้ายเอียงขวา มันจะมีแนวโน้มที่จะไปสู่พระนิพพานได้

เพราะฉะนั้นเราคอยสังเกต จิตเราหลงไป เราจะติดฝั่งหนึ่ง ถ้าเราถลำลงไปเพ่ง ติดอีกฝั่งหนึ่ง 2 ฝั่งนี้อันหนึ่งกามสุขัลลิกานุโยค ตามใจกิเลส อันหนึ่งอัตตกิลมถานุโยค บังคับกายบังคับใจให้ลำบาก ไม่เป็นธรรมชาติ ธรรมดา ค่อยๆ ฝึก มันยากตรงนี้ล่ะ แต่พอจิตมันเข้าทางสายกลางแล้ว ไม่ได้ทำอะไรเลย โอ๊ย โคตรง่ายเลย มันง่ายๆ

เมื่อก่อนหลวงพ่อสำคัญผิด เพราะหลวงพ่อภาวนาแล้วหลวงพ่อพูดให้ลูกศิษย์ลูกหาฟัง เฮ้ย มันง่ายๆ มาเห็นพวกเราภาวนา ทำไมมันยากนัก ดูไปดูมา โอ๊ย มันไม่มีสัมมาสมาธิที่ถูกต้อง มันไม่มีสติที่ถูกต้อง หลวงพ่อฝึกได้สมาธิมาตั้งนานแล้ว ครูบาอาจารย์สอนให้เดินปัญญา มันเดินได้เลย ไม่ติดฝั่งซ้ายฝั่งขวา ไม่ลืม อย่างท่านให้ดูจิต หลวงพ่อไม่ลืมการดูจิต แล้วหลวงพ่อก็ไม่ได้ไปเพ่งจิตให้นิ่งๆ ไม่เผลอไม่เพ่ง ก็อยู่ในทางสายกลางอยู่อย่างนั้น มันก็ไปได้

ถ้าจิตเข้าทางสายกลาง ไม่เผลอไม่เพ่งแล้วไม่ไปติดโน้นติดนี้ สะดวกมากเลย ไม่ต้องทำอะไรเลย มันเหมือนท่อนไม้ ไม่ต้องมีแขนมีขามาว่ายน้ำหรอก มันไหลไปสู่ทะเลเอง จิตที่เดินในทางสายกลางแล้ว ไม่ต้องทำอะไรหรอก มันไหลไปพระนิพพานเอง ทางสายกลาง ท่านแจกแจงออกมาคืออริยมรรคมีองค์ 8 ต้องทำให้ครบ ศีล สมาธิ ปัญญานั่นล่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 06 พฤศจิกายน 2565