บางวันพอเห็นรูปนามแสดงไตรลักษณ์ได้บ้าง แต่บางวันเหมือนภาวนาไม่เป็น

คำถาม:

หลวงพ่อให้หนูเพิ่มกำลังสมาธิด้วยการดูกาย ในตอนเช้าหนูใช้วิธีนั่งสมาธิ พุทโธจิตไหลไปคิดแล้วรู้ตอนเย็นใช้การเดินจงกรม ควบคู่กับการนั่งสมาธิ ระหว่างวัน พุทโธไปเท่าที่ทำได้ ควบคู่กับฟังธรรมของหลวงพ่อ บางวันพอเห็นรูปนามแสดงไตรลักษณ์ได้บ้าง แต่บางวันเหมือนภาวนาไม่เป็น กราบขอหลวงพ่อชี้แนะค่ะ

 

หลวงพ่อ:

ภาวนามันก็ดีขึ้นแล้ว จิตมีแรงขึ้นเยอะ แต่ต้องระวังนิดหนึ่งตรงที่จิตตั้งมั่น จิตมีกำลัง ไม่ได้เจตนาตั้ง ไม่ได้จงใจตั้งไว้ ถ้าจงใจตั้งอันนี้ยังไม่ใช่ ยังไม่ใช่จิตผู้รู้ที่แท้จริง เวลาเราภาวนา สังเกตจิตใจไป มันจะมีจุดซึ่งจิตใช้พลังงานน้อยที่สุด อย่างตรงนี้ยังใช้พลังงานอยู่รู้สึกไหม พลังงานเพื่อจะทรงมันไว้อย่างนี้ ถ้าเรายังเห็นว่าตรงนี้จิตยังใช้พลังงานอยู่ ค่อยสังเกตไปมันมีจุดที่ไม่ใช่จุดที่ตั้ง คือมันมีสภาวะซึ่งจิตลดการใช้พลังงานลงเรื่อยๆ ถ้าจิตยังแสวงหา จิตยังมีตัณหาอยู่ ยังมีการแสวงหาอยู่ จิตยังมีการใช้พลังงานอยู่ จิตไม่ได้พักอย่างแท้จริง อย่างขณะนี้จิตทำงาน คือสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา ปล่อยเสียอย่าตรึงตัวนี้ไว้ ปล่อยออกมา ให้มันเป็นธรรมชาติแล้วมันจะสบายกว่านี้

ถ้าเราจงใจจะให้จิตมีกำลัง แต่เราไปจงใจตั้งอยู่อย่างนี้ กำลังของจิตยังไม่เยอะพอหรอก เพราะว่าจิตใช้พลังงานอยู่ตลอดเวลา มันเหมือนเรามีมือถือ ตอนนี้เราบอกเราไม่ได้ใช้งาน แต่มันก็กินแบตเตอรี่ ไปเรื่อยๆ เราก็ชัตดาวน์มันเสีย เพราะฉะนั้นเราไม่ไปปรุงอะไรขึ้นมา นี่ก็เป็นภพๆ หนึ่งที่จิตปรุงขึ้นมา ขณะนี้เป็นภพ ภพอย่างนี้จะนำไปสู่พรหมโลก จะไปเป็นพระพรหมได้ ฉะนั้นเราไม่เอาตรงนี้ เราคลาย เออนั่นล่ะจิตค่อยๆ คลายออกแล้ว คลายออกมาเป็นจิตธรรมดา จิตธรรมดาจะไม่ค่อยใช้พลังงานเท่าไร จิตจะค่อยๆ สะสมพลัง พลังงานมันจะเยอะขึ้นๆ แล้วมันจะตั้งมั่นเด่นดวงโดยที่เราไม่ได้เจตนาทำขึ้นมา อันนี้มันตั้งโดยเจตนาทำขึ้นมา ไปปรับตัวนี้ ลดเจตนาที่จะประคองรักษาจิตให้เป็นตัวรู้ แล้วก็ทำสมาธิ เดินจงกรมอะไรอย่างที่ทำ ทำถูกแล้ว มันแค่วางจิตผิดเท่านั้นเอง ไปวางจิตสร้างอันนี้ขึ้นมา

 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 7 สิงหาคม 2564