เป็นคนโกรธง่าย เซลฟ์จัด ขาดความเมตตา ฟุ้งซ่านมาก พยายามรักษาศีลและฝึกตนมา 6 ปีแล้ว ดูเหมือนว่ามันไม่ลดลงกลับจะเพิ่มขึ้น

คำถาม:

กระผมเป็นคนโกรธง่าย เซลฟ์จัด ขาดความเมตตา ฟุ้งซ่านมาก พยายามฝึกรักษาศีล 5 ฝึกตนให้มีเมตตา ในรูปแบบนั่งสมาธิ หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ควบคู่กับการฟังธรรมของหลวงพ่อ ทำทุกวันมา 6 ปีแล้ว ความโลภ ความโกรธ ความหลง ดูเหมือนว่ามันไม่ลดลง กลับจะเพิ่มขึ้น ขณะนั่งสมาธิหรือเดินจงกรม ใจล่องลอย ฟุ้งซ่านมาก ขอความกรุณาหลวงพ่อชี้แนะแนวทางในการปฏิบัติเพื่อความเจริญก้าวหน้าต่อไปครับ

หลวงพ่อ:

เราไม่จำเป็นต้องทำกรรมฐานแบบจะไปดูจิตดูใจอะไรอย่างเดียว รู้สึกร่างกายไว้ รู้สึกร่างกายไว้ ดูไปสิ ร่างกายไม่เคยโกรธเลย ความโกรธเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แทรกเข้ามา รู้สึกกายบ่อยๆ แล้วจะเห็นร่างกายเป็นวัตถุธาตุ ไม่ใช่ตัวเรา ความโกรธก็ไม่ใช่ตัวเรา ความโกรธไม่ใช่ร่างกายด้วย ความโกรธไม่ใช่จิตใจด้วย ค่อยๆ แยกๆๆ ไป แล้วก็เจริญเมตตาให้เยอะหน่อย วิธีเจริญเมตตาไม่ใช่นั่งท่อง วิธีเจริญเมตตาก็คือหัดเอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่างเราโกรธใครเกลียดใคร เราลองสมมติตัวเองว่าถ้าเราเป็นเขา อยู่ในสถานการณ์อย่างเขา ในเงื่อนไข ในข้อจำกัดอย่างเขา เราจะคิดเหมือนเขาไหม บางทีเราคิดเหมือนกัน เราก็จะทำอย่างที่สิ่งที่เราไปว่าคนอื่นเขานั่นล่ะ พอเราเข้าใจ เกิดความเข้าใจแล้ว โทสะมันจะหาย

อย่างสมมติว่าแฟนเราทิ้งเราไป เราขยันภาวนา แฟนเราเลยทิ้งไปเลย เราก็โกรธ ถ้าเราภาวนา เอาใจเขามาใส่ใจเรา โอ้ ทำไมเขาทิ้งเราไป เพราะเขารู้สึกว่าอยู่กับเราแล้วไม่มั่นคงเลย วันๆ เราเข้าวัดอย่างเดียว เขาน่าสงสาร ชีวิตเขา เขาต้องการความมั่นคง เราให้เขาไม่ได้อะไรอย่างนี้ ความโกรธมันจะดับทันทีเลย เพราะฉะนั้นเราหัดเอาใจเขามาใส่ใจเราไว้ หรืออย่างสัตว์อย่างนี้ เราจะทำร้ายมัน เราก็จะเห็นเลย สัตว์มันมีความกลัว อย่างเราจะตีมัน ประกายตาของมันกลัว มันรักตัวกลัวตาย กลัวเจ็บ เวลาเจ็บมันก็ทุกข์ทรมานอย่างนี้

ถ้าเราค่อยๆ ดู ค่อยๆ สังเกต เอาใจเขามาใส่ใจเรา ความเมตตามันจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกเป็นศัตรูจะไม่มีหรอก เพราะมันเข้าใจเสียแล้วว่า อย่างเห็นสัตว์ หลวงพ่อสงสาร ตาแป๋วๆ สัตว์น่าสงสารจริงๆ เลย คนใจร้ายยิ่งกว่าสัตว์ อย่างเยอะแยะเลย อย่างพวกหมา หมามันมีความรู้สึกเยอะ จิตใจของมัน สมองมันมีคุณภาพมาก อย่างเจ้าของบางที หมาตัวโตแล้ว เอามันไปทิ้ง บางคนย้ายบ้าน ก็ทิ้งหมาไว้ที่บ้านเดิม ไม่ได้กินข้าว กินน้ำ ไม่ได้อะไร มันก็รออยู่นั่น เมื่อไรเจ้าของจะมา ชะเง้อๆ อะไรนี่ เห็นแล้ว สลดสังเวช ถ้าเราเห็นอย่างนี้ เราจะไม่โกรธ อย่างหมาตัวนี้ มันเห่าตลอดเวลา ตะกายรั้วตะกายอะไร เราดูแล้วน่ารำคาญ แต่ถ้ารู้เหตุรู้ผลของมันแล้ว มันน่าสงสาร

ถ้าเมื่อไรใจเกิดความกรุณาขึ้นมา โทสะจะกระเด็นออกจากใจเราทันทีเลย เพราะฉะนั้นที่ว่าเรากิเลสแรงๆ ลองหัดเอาใจเขามาใส่ใจเราดู แล้วใจมันจะอ่อนโยนนุ่มนวล คล่องแคล่ว ควรแก่การงานมากขึ้น เพราะใจที่อุดมไปด้วยเมตตา พระพุทธเจ้าบอกแล้ว อานิสงส์ของการเจริญเมตตาคือทำสมาธิง่าย สมาธิจะเกิดง่ายเลย ถ้าใจเรามีเมตตา แต่ถ้าใจเรามีพยาบาท ไม่ได้เรื่อง เพราะฉะนั้นเราเอาใจเขามาใส่ใจเราไว้ โกรธใครก็ลองพิจารณาดู ทำไมเขาต้องเป็นอย่างนี้ เขามีความจำเป็นอย่างไร เขาถึงเป็นอย่างนี้ พิจารณาลงไป แล้วสมาธิเราจะดีขึ้น การภาวนาจะราบรื่นขึ้น

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 8 สิงหาคม 2564