ฝึกอัปปนาสมาธิในชีวิตประจำวัน เห็นว่าความสุขความทุกข์มันสั้นลง เห็นตัวอุเบกขาเวทนา จิตยังพอใจในการเกิด ไม่ทราบว่าต้องพิจารณาอย่างไร จิตจึงจะยอมเชื่อว่าการเกิดนั้นเป็นทุกข์

คำถาม:

ถือศีล 5 ทำในรูปแบบด้วยการเดินจงกรม 30 นาที นั่งสมาธิ 30 นาที ใช้คำบริกรรมพุทโธ ในระหว่างวัน พยายามมีสติ รู้สึกตัว ใช้กายเคลื่อนไหวเป็นรูป ใจที่รู้เป็นนาม เป็นเครื่องอยู่ เคยเห็นสภาวธรรม เห็นว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา ปัญหาคือช่วงนี้ปฎิบัติธรรมแล้วจิตรวมยากขึ้น ขอคำแนะนำเพื่อให้จิตรวมและเพื่อให้การปฏิบัติเจริญขึ้นต่อไปค่ะ

หลวงพ่อ:

เวลาที่จิตมันเจริญปัญญาเป็น มันจะไม่ยอมรวมง่ายๆ หรอก มันรวมยากขึ้น ช่วงที่ยังเดินปัญญาไม่เป็น มันจะรวมลูกเดียว ตอนนี้พอจิตมันเจริญปัญญาแล้วมันยอมไม่รวม ทำอย่างไรดี ก็ทำสมาธิไป รวมก็ช่าง ไม่รวมก็ช่าง แต่ตอนนี้จะไม่ดูไตรลักษณ์แล้ว

ลองทำสมาธิให้หลวงพ่อดูสิ ไม่สนใจเรื่องไตรลักษณ์อะไรทั้งสิ้น อยู่กับอารมณ์อันเดียว สังเกตไหมว่าจิตตรงนี้มันรุนแรงเกินไป รู้ให้สบายๆ รู้ด้วยจิตปกติ ไม่ต้องไปดูจิต เออ ถ้าทำอย่างนี้ไม่นานมันก็รวมหรอก พอจำได้หรือยัง คนนี้ถามแปลก ขอวิธีทำให้จิตรวม

จิตจะรวมได้ง่าย อันที่หนึ่ง รู้อารมณ์ที่สบาย ที่จิตมันชอบ อย่างเรารู้ลมหายใจ จิตชอบ เราก็รู้ลมหายใจ อันที่สอง รู้ด้วยจิตใจที่ปกติ ไม่ไปบังคับว่าจิตจะต้องอย่างนั้น จิตจะต้องสงบ จิตจะต้องมีปัญญา ไม่ต้อง ใช้จิตใจธรรมดาๆ ไปรู้อารมณ์ธรรมดาๆ รู้แบบธรรมดาๆ อีก 3 ธรรมดา ใช้จิตใจธรรมดาไปรู้อารมณ์ธรรมดาๆ ไม่ต้องไปสร้างอารมณ์อะไรพิสดารขึ้นมา รู้อย่างธรรมดา

ไม่ได้ภาวนาเพื่อเอาสุขเอาสงบ เอาดีอะไรทั้งสิ้น แต่ว่ารู้อารมณ์ไปธรรมดาๆ ถ้าวางใจถูก ใช้ใจธรรมดา ไปรู้อารมณ์ รู้อย่างธรรมดา แป๊บเดียวก็สงบ แต่ถ้าอยากสงบ ไม่สงบ หรือเจริญปัญญาไม่ยอมหยุด จิตไม่สงบ แล้วถัดจากนั้นจะฟุ้งซ่าน เจริญปัญญาไม่ได้จริง วิปัสสนูปกิเลสมันจะมา ฉะนั้นดีมากที่คิดจะทำความสงบ จำเป็น

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 08 กรกฎาคม 2566