คำถาม:
หลวงพ่อ:
กลางวันพยายามมีสติรู้เนื้อรู้ตัวบ่อยๆ เป็นระยะๆๆ ไป ตอนปฏิบัติกลางคืนมันจะได้ไม่หลับ จะได้รู้สึกตัว ที่มันไหลไปเพราะมันไม่มีแรง ที่มันไม่มีแรงเพราะกลางวันเราใช้แรงเยอะไปคิดโน่นคิดนี่วุ่นวายไป เพราะฉะนั้นถ้ากลางวันมีเวลาเหลือ 5 นาที 10 นาที พุทโธๆ ไปก็ยังดี ให้จิตอยู่กับเครื่องอยู่ไว้เรื่อยๆ ปฏิบัติมันทั้งวัน 5 นาทีก็ทำ 10 นาทีก็ทำ
ในหลวงองค์ก่อนท่านเล่าให้ครูบาอาจารย์ฟังว่าท่านมีเวลา 5 นาที ท่านก็ทำปฏิบัติ ท่านถึงภาวนาเก่ง งานท่านเยอะกว่าเราแน่นอน แต่ท่านยังทำได้ เราบอกไม่มีเวลา เพราะงานเยอะ ไม่จริง มันเคยมีงานวิจัยอันหนึ่ง รู้สึกนานแล้วล่ะของนิด้า บอกว่าคนที่ทำงานในออฟฟิศ ที่ว่าวันหนึ่งๆ ทำงาน เท่านั้นชั่วโมงเท่านี้ชั่วโมง เขาไปนับเวลาดูแล้ว ไม่เกิน 4 ชั่วโมงหรอกที่ทำงาน เวลาที่เหลือเอาไว้ฟุ้งซ่าน
อย่างเราเดินไปที่ทำงาน ออกจากบ้านไป ถึงที่ทำงาน ตรงนี้ไม่ยอมภาวนา ขึ้นไปที่ทำงาน เดินไปที่โต๊ะ ไปเปิดคอม ตรงนี้ก็ยังไม่ได้ทำงาน เปิดคอมเสร็จไปชงกาแฟมากิน เม้ามอยนิดหน่อยอะไรอย่างนี้ สักพักหนึ่งสบายอกสบายใจ กลับมานั่งโต๊ะอะไรอย่างนี้ ดูข่าวเสียหน่อย เดี๋ยวดูไลน์อีกนิดหนึ่ง กว่าจะเริ่มลงมือทำงานจริงๆ นิดเดียวล่ะ เดี๋ยวก็มีเรื่องวอกแวกๆ
เพราะฉะนั้นถ้าเราเก็บเวลาที่สูญเปล่าพวกนี้ เก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อย เราจะมีเวลาเยอะ ถ้าชั่วโมงหนึ่ง เราปฏิบัติ 5 นาที 12 ชั่วโมง เราได้ 1 ชั่วโมงแล้ว เราได้ปฏิบัติเพิ่มชั่วโมงหนึ่งแล้ว แค่ชั่วโมงละ 5 นาที ทำไป แล้วจิตมันจะมีแรง ถ้ากลางวันฟุ้งซ่าน ตกเย็นจิตก็ไม่มีแรงหรอก นั่งสมาธิก็หลับ เดินจงกรมก็หลับ ฉะนั้นจัดการตั้งแต่กลางวันนี้ล่ะ เบอร์ 2 ที่ทำอยู่ใช้ได้ ไปทำอีก กำลังมันน้อยไปหน่อยเท่านั้น ทำในชีวิตประจำวันนี้
วัดสวนสันติธรรม 10 กันยายน 2566