คำถาม:
หลวงพ่อ:
ภาวนาไม่ได้แปลว่าหลับหูหลับตาอะไรหรอก ภาวนาแปลว่าเจริญ เจริญอะไร มี 2 เจริญ เจริญสติ เจริญปัญญา ฉะนั้นเราก็มีเครื่องอยู่สักอย่าง แล้วจิตใจเราขยับเขยื้อน เรารู้อย่างนี้ มันเพิ่มสติ หรือร่างกายเราขยับเขยื้อน เรารู้อย่างนี้ มันเพิ่มสติ แล้วพอมันเคลื่อน เรารู้ สมาธิมันจะเกิด แล้วพอมันเคลื่อนอีก เราจะเห็นตัวที่เคลื่อนไม่ใช่เราหรอก มันจะเกิดปัญญา
เรียนกรรมฐาน ไม่ต้องเรียนเยอะแยะอะไรหรอก ถ้าเรียนเยอะไปยิ่งงง เรียนกรรมฐาน อยู่กับกาย อยู่กับใจของเรานี่ล่ะ ไม่ต้องไปเรียนที่อื่นหรอก ยิ่งไปเรียนหลายๆ ที่ ยิ่งงงหนัก แล้วจะทำไม่เป็นเลย เพราะฉะนั้นรู้สึกกาย รู้สึกใจของเราไป ช่วงไหนฟุ้งซ่าน ก็ทำความสงบมา ช่วงไหนสงบ จิตมีเรี่ยวมีแรง แล้วก็ออกไปเดินปัญญา ดูกายทำงาน ดูใจทำงานไป
สังเกตไหมว่าจิตมันมีความสุขได้ด้วยตัวเอง เห็นไหมบางทีมันก็มีความสุขขึ้นมาเอง นั่นล่ะ จิตมันมีสมาธิ ดี แต่ไม่ใช่ว่าต้องมีอย่างนี้ตลอด พอนานๆ ไปไม่ค่อยมี มันจะกลายเป็นอุเบกขามันสูงขึ้นไปอีก อุเบกขาสูงกว่าความสุข สูงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
หลงไปในโลกของความคิดแล้วรู้ไหม ทำกรรมฐานไป ไม่ได้บังคับให้จิตนิ่ง ทำกรรมฐานไป แล้วจิตหลงไปในความคิด รู้ทัน จิตเพ่งลงไป รู้ทัน ฝึกรู้อย่างนี้บ่อยๆ สมาธิเราจะแข็งแรง จิตของเราจะเป็นผู้รู้ แล้วมันจะเป็นผู้รู้ ไม่ใช่รู้อย่างเดียว มันตื่น มันเหมือนเราตื่นขึ้นมาจากความฝัน แล้วมันก็เบิกบาน ความสุขความเบิกบานผุดขึ้นมาเอง นั่นล่ะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เรียกตัวพุทโธล่ะ หลงไปคิดแล้วรู้ไหม เออ หัดรู้อย่างนี้
วัดสวนสันติธรรม 11 ธันวาคม 2565