คำถาม:
หลวงพ่อ:
ที่ฝึกอยู่ก็โอเค มันก็ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ล่ะ ทำไปสม่ำเสมอ ทุคติจะไปหรือไม่ไป สังเกตง่ายๆ มันไปไม่ไปก็เพราะจิตเรานี่ล่ะ จิตเศร้าหมองก็มีทุคติเป็นที่ไป หวังได้ว่าจะไปทุคติ จิตผ่องใสก็หวังได้ว่าจะไปสุคติ ฉะนั้นสังเกตจิตใจของเราไป ถ้าจิตเศร้าหมอง โอกาสไปทุคติก็มี ระหว่างจิตเศร้าหมองกับจิตผ่องใส อันไหนมันเกิดบ่อย สังเกตเอา แล้วเวลาจิตมันเศร้าหมอง ก็ไม่ต้องไปว่ามัน รู้ทันมันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปอยากให้หายเศร้าหมองหรอก จิตเศร้าหมอง รู้ว่าเศร้าหมอง ถ้าอยากให้หาย ก็กลายเป็นจิตเศร้าหมองหนักเข้าไปอีก เพราะตรงอยากนั้นมันกิเลส คอยรู้ทันกิเลสของเราเอง โทสะแรงไหม ค่อยๆ รู้ กิเลสตัวไหนมี เกิดบ่อยๆ อะไรนี่ คอยรู้คอยเรียนไป เวลากิเลสเกิด กิเลสแปลว่าเครื่องเศร้าหมอง ทำให้อะไรเศร้าหมอง ทำให้จิตเศร้าหมอง จิตที่เศร้าหมองก็มีความหวังได้ว่าจะไปทุคติ แต่ถ้าเรามีสติ จิตเศร้าหมอง รู้ว่าเศร้าหมอง เราได้กุศลอย่างใหญ่ เป็นกุศลจากการเจริญสติปัญญา เป็นกุศลที่ใหญ่ เพราะฉะนั้นเศร้าหมองก็ไม่ว่า แต่มีสติรู้ทัน ไม่ปล่อยให้กิเลสมาบงการความคิด คำพูด การกระทำของเรา จิตก็จะผ่องใส ธรรมะตรงไปตรงมา จิตเศร้าหมองก็เป็นอันหวังได้ว่าจะมีทุคติเป็นที่ไป จิตผ่องใสก็เป็นอันหวังได้ว่าจะมีสุคติเป็นที่ไป ตัวที่ทำให้จิตเศร้าหมองก็คือตัวกิเลส กิเลสแปลว่าเครื่องเศร้าหมอง วิธีสู้กิเลส มีสติรู้ทันกิเลสอะไรเกิด รู้ทันๆ ไม่เข้าข้างตัวเอง เราแต่ละคนร้ายกว่าที่เราคิดเสมอล่ะ ตัวจริงร้ายๆ ทั้งนั้นล่ะ เวลาเราภาวนา บางทีเราก็รู้สึก แหม เราดีๆ บางที แต่ดูละเอียดลงไปแล้วจะเห็น แหม จริงๆ มันร้ายน่าดูเลย ยิ่งรู้ทันกิเลสเท่าไร ใจมันก็จะอิสระจากกิเลสมากขึ้นๆ ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ ที่ฝึกมามันก็ดี ไปทำอีก
วัดสวนสันติธรรม 11 มิถุนายน 2565