คำถาม:
หลวงพ่อ:
แยกได้แล้ว ขันธ์มันก็ไม่ยากหรอกที่จะแยก มันแยกแล้วเราก็คอยรู้คอยดูไป กายมันทำงาน ใจมันทำงาน เวลามีข่าววุ่นวาย ไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวของแพง ข้าวไม่ค่อยจะมีจะกินแล้ว รู้สึกลำบาก ใจกังวล รู้ว่ากังวล เฝ้ารู้เฝ้าดูไป อยู่กับโลก โลกก็ยุ่งอย่างนี้ล่ะ อย่าไปหวังว่ามันจะสงบสุขเลย มนุษย์มันไม่ยอมสงบหรอก เพราะกิเลสมันแรง กำลังวุ่นวายวิกฤติ สังเกตใจเราไป ที่มันกลุ้มใจ มันกังวลอะไรนี่ เพราะมันห่วงตัวเอง มันรักตัวเอง เราก็ไม่ห้ามหรอก มันจะห่วง มันจะรัก หรือมันกังวล ในครอบครัวของเรา เป็นห่วงอะไรอย่างนี้ ห่วงทีไรก็ทุกข์ทุกที เฝ้ารู้เฝ้าดู เราจะรู้ว่าความเป็นห่วง ความกังวลไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ถ้าปัญหามันจะเกิด มันก็เกิดล่ะ เพราะฉะนั้นในท่ามกลางปัญหาที่เรากำลังเผชิญ ทำอย่างไรใจเราจะร่มเย็นเป็นสุขอยู่ได้ ดูโลกนี้เหมือนความฝันเท่านั้นล่ะ บางทีก็ฝันดี บางทีก็ฝันร้าย แต่สุดท้ายก็ว่างเปล่า พอตื่นขึ้นมาแล้วก็ไม่มีความฝันเหลืออยู่แล้ว พยายามมอง โลกนี้ทั้งโลกกระทั่งชีวิตของเราเองก็เหมือนความฝันทั้งนั้นล่ะ จะฝันดีหรือฝันร้าย สุดท้ายก็ต้องเลิกฝัน ทุกอย่างในชีวิตเราเกิดขึ้นแล้ว ถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องดับไป เราไม่ไปคาดหวังว่าชีวิตจะต้องสุข ต้องสงบตลอดเวลาหรอก ถ้าใจเราคาดหวังก็คือเรายอมรับความจริงไม่ได้ ใจเราก็จะเป็นทุกข์ แต่ถ้าปัญหามันรุมเร้าเข้ามา ใจเรายอมรับความจริงได้ ใจไม่ทุกข์ ความทุกข์มันอยู่ที่กายเท่านั้นล่ะ เช่น หากินลำบากขึ้นอะไรอย่างนี้ ใจเราไม่ทุกข์หรอก ก็อดทนไว้ อย่าไปคาดหวังว่าโลกนี้จะต้องสบาย โลกนี้จะต้องสงบ โลกไม่เคยสงบ โลกเป็นอย่างนี้ล่ะ โลกเป็นทุกข์ เหมือนเราฝันอยู่ วันหนึ่งเราก็จะตื่นจากความฝัน
วัดสวนสันติธรรม 11 มิถุนายน 2565