ในเวลาทำงานที่ต้องเจอผู้คนหรือมีผัสสะมากระทบ ยังไหลไปคลุกกับอารมณ์บ่อยๆ

คำถาม:

ฟังธรรมะหลวงพ่อไลฟ์สดทุกสัปดาห์ ฝึกปฏิบัติในรูปแบบ รู้อยู่ที่ลมหายใจ บางครั้งเห็นร่างกายหายใจได้เอง สังเกตได้ว่าความทุกข์สั้นลง มีความสุขกับการปฏิบัติมากขึ้น แต่ในเวลาทำงานที่ต้องเจอผู้คนหรือมีผัสสะมา กระทบ ยังไหลไปคลุกกับอารมณ์บ่อยๆ ขอหลวงพ่อชี้แนะแนวทางปฏิบัติเพื่อการเจริญภาวนายิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ

 

หลวงพ่อ:

ก็ทำอย่างที่ทำนี่ล่ะ เวลาทำงานต้องยุ่งกับคน จิตมันก็ต้องออกนอก ต้องไปดูเขา ต้องไปคุยกับเขา ต้องคิด ตอนนั้นเป็นเวลาทำงาน เป็นเวลาทำมาหากิน ไม่ใช่เวลาปฏิบัติ เวลาที่เหลือจากการทำงานกับการนอนหลับนั่นล่ะเป็นเวลาปฏิบัติ พยายามหายใจไป พุทโธไปเรื่อยๆ จิตสงบก็รู้ จิตฟุ้งซ่านก็รู้ หายใจไป พุทโธไป ไม่ใช่เพื่อบังคับให้จิตนิ่ง ไม่บังคับหรอก หายใจไปแล้วจิตเป็นอย่างไร ก็รู้ว่าเป็นอย่างนั้นไปเรื่อย ต่อไปสติปัญญามันแก่กล้า มันก็จะรู้เลย ร่างกายที่หายใจอยู่ไม่ใช่ตัวเรา จิตใจที่เดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ เดี๋ยวก็เป็นผู้หลงอะไรอย่างนี้ ก็ไม่ใช่ตัวเรา ตัวเราไม่มี ตัวเราไม่มี ก็ไม่มีที่ตั้งของความทุกข์แล้ว ความทุกข์มันก็อยู่ที่กายที่ใจ กายไม่ใช่เรา ใครทุกข์ กายมันทุกข์ ใจไม่ใช่เรา ใครมันทุกข์ ใจมันทุกข์ ไม่ใช่เรา

ค่อยๆ ฝึกๆๆ ไปเรื่อย ที่ฝึกอยู่ใช้ได้ ไปทำอีก แต่ระวังอันหนึ่ง อย่าประคองจิตให้นิ่ง ถ้าประคองจิตให้นิ่งไปเรื่อยๆ อย่างนี้ไม่ดีหรอก ไม่ดี อย่าไปประคองมันไว้ ประคองมันเหนื่อย อย่างเราประคองแก้วน้ำอย่างนี้ ประคองไว้ มันเหนื่อย ไม่ต้องประคองมันหรอก วางมันแล้วมันเป็นอย่างไรค่อยรู้เอา ยังติดประคองอยู่ รู้สึกหรือเปล่า ตรงนี้ดีกว่าเมื่อกี้ ตัวนี้ไม่ได้ประคองเหมือนเมื่อกี้ รักษาไว้อย่างนี้ รักษาไว้อย่างนี้อยู่ได้เป็นกัปเลย ถ้าตายไปไปนั่งอยู่หน้าโรงแรม ไปเป็นพระพรหม กินไข่ต้มกับมะพร้าวอ่อน ปล่อยให้มันทำงาน เราจะได้เห็นความจริงของจิตด้วย จิตนี้ไม่เที่ยง จิตนี้เป็นอนัตตา เคลื่อนไหวไป ประคองอยู่อย่างนี้ จิตเที่ยง ถ้าฝึกแล้ว จิตเที่ยง ไม่ถูกหรอก

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 15 สิงหาคม 2564