กรรมฐานของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทางใครทางมัน

คำถาม:

ติดเพ่งและติดเฉย คลายไม่เป็น ลองเปลี่ยนอารมณ์แล้ว ก็คลายได้บ้าง แต่พอทำต่อก็เป็นอีก กราบขอคำแนะนำค่ะ

หลวงพ่อ:

เพ่งเพราะโลภ อยากรู้อยากเห็นอยากเป็นอยากได้อยากดีถึงจะเพ่ง ไม่ต้องทำอะไรมากเลย คิดถึงร่างกายไว้ ผมไม่ใช่ตัวเรา ขนเล็บฟันหนังเนื้อเอ็นกระดูกไม่ใช่ตัวเรา พิจารณาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวสมาธิก็จะเกิดขึ้นได้ ไม่อย่างนั้นใจจะซึมๆ ไป พอเข้าใจไหม อย่างดูผม นึกถึงเส้นผมของเรา เอามือจับเลยก็ได้ ผมมีรูปร่างอย่างนี้ มีสีอย่างนี้ มีกลิ่นอย่างนี้ ไม่สะอาดอย่างนี้ พิจารณาไปเรื่อยๆ ไม่ให้จิตซึม ให้จิตทำงาน ทีนี้ทำงานสะเปะสะปะก็ไม่ดี ก็พามันพิจารณาร่างกายให้มันทำงาน งานนั้นคืองานพิจารณาร่างกายไป ผมมีรูปร่างอย่างนี้ มีสีอย่างนี้ มีกลิ่นอย่างนี้ ไม่สะอาดอย่างนี้ ไม่เที่ยงอย่างนี้ พิจารณาไปทีละส่วน ขนเล็บฟันหนังก็เหมือนกัน ไล่ในผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ไล่ๆๆ ไป พิจารณาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวสมาธิเราจะเพิ่มขึ้น

กรรมฐานของคนแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอก ทางใครทางมัน เราเห็นคนนี้เขาเรียนอย่างนี้ เราไม่ต้องเอาอย่างเขา ทางใครทางคนนั้น เมื่อก่อนเรียนกับหลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ดูลย์สอนแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างท่านสอนหลวงพ่อ สอนให้ดูจิตเลย ทำไมให้ดูจิตเลย เพราะสมาธิหลวงพ่อมีอยู่แล้ว จิตใจหลวงพ่ออยู่กับเนื้อกับตัวอยู่แล้ว ก็ดูง่าย บางคนท่านก็สอนไปท่องพุทโธเอา แล้วก็คอยรู้ทันจิตที่เป็นคนท่องพุทโธ ท่านใช้คำบอกว่า ให้ไปท่องพุทโธแล้วรู้ทันจิตที่ท่องพุทโธ ตัวที่ท่องพุทโธ นี่บางคนท่านก็สอนอย่างนี้ บางคนท่านก็สอนให้ดูกระดูก ที่แปลกๆ ก็มีองค์หนึ่งเป็นหลวงพ่อคืน

หลวงพ่อคืน หลวงปู่ดูลย์สอนให้ดูผมเส้นเดียว ท่านภาวนาอย่างไรจิตก็ไม่สงบ แล้วพอหลวงปู่ดูลย์บอกให้ไปดูผมเส้นเดียว ท่านบอกเสียใจมากเลย หลวงปู่ลำเอียง สอนคนอื่นเยอะแยะเลย สอนเราดูผมเส้นเดียว ดูไม่น่าเชื่อถือเลย ไม่เอา ไม่ทำ ไปภาวนาอยู่ 3 เดือน ออกพรรษาแล้วกลับมาหาหลวงปู่ ตอนจะเข้าพบหลวงปู่นึกได้ว่าท่านสั่งให้ดูผมเส้นเดียว ยังไม่ได้ดูเลย เดี๋ยวท่านถามขึ้นมาจะถูกท่านว่าเอา ก็เลยไปดูผม นึกถึงผมตัวเอง ผมรูปร่างอย่างนี้ มีสีอย่างนี้ มีกลิ่นอย่างนี้ มีความไม่เที่ยงอย่างนี้ พิจารณาไปมันไม่ใช่เรา อย่างผมพอตัดออกมาแล้ว เป็นเราไหม ไม่เป็น ขนโกนออกไปแล้ว เป็นเราไหม ก็ไม่เป็น เล็บตัดออกไปแล้ว ก็ไม่เป็นเรา ดูไปเรื่อยๆ ไม่เป็นเรา แต่ตรงที่พิจารณานี้เป็นสมถะ จิตท่านรวม จิตท่านรวม เข้าไปหาหลวงปู่ ไปฟังธรรมนิดหน่อย ก็เข้าใจแล้ว เพราะจิตมีสมาธิมากพอ

ฉะนั้นครูบาอาจารย์สอนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทางใครทางคนนั้น ไม่ต้องเลียนแบบกัน ดูว่าแบบไหนเหมาะกับเรา เราก็เอาอย่างนั้นล่ะ ไปดูเอา อย่างหลวงพ่อถ้าทำสมถะ หลวงพ่อใช้อานาปานสติควบกับพุทโธ เราไม่ต้องเอาอย่างหลวงพ่อ ถ้าจริตนิสัยชอบอันนี้ก็เอาอันนี้ ถ้าชอบอย่างอื่นก็ใช้กรรมฐานอื่น ตรงวิปัสสนาหลวงพ่อเริ่มจากการดูจิต เราก็ไม่ต้องดูจิตอย่างหลวงพ่อ ถนัดดูกายก็ดูกาย ถนัดดูเวทนาก็เวทนา ถนัดดูจิตก็ดูจิต ถนัดอะไรก็รู้อันนั้น เอาทางที่เราถนัด

แต่สิ่งที่เราจะได้เหมือนๆ กัน คือสติเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสติเราดีขึ้น ศีลเราก็จะดีขึ้นอัตโนมัติ สมาธิเราก็จะดีขึ้นอัตโนมัติ ปัญญาก็จะอัตโนมัติขึ้นมา ฉะนั้นสติเป็นต้นทางสำคัญ พอศีล สมาธิ ปัญญาสมบูรณ์ วิมุตคือมรรคผลก็จะเกิดขึ้นอัตโนมัติ ไม่มีใครสั่งให้เกิดได้ เกิดเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 15 ตุลาคม 2566