กิเลสบางตัวเห็นแล้วละได้บ้าง เช่น โทสะ โลภะ โมหะ กิเลสบางตัวเห็นแล้ว แต่ละไม่ได้เลย เช่น ราคะ อยากกอดลูก และมานะ อีโก้

คำถาม:

จิตมีพัฒนาการ กิเลสบางตัวเห็นแล้วละได้บ้าง เช่น โทสะ โลภะ โมหะ กิเลสบางตัวเห็นแล้ว แต่ละไม่ได้เลย เช่น ราคะ อยากกอดลูก และมานะ อีโก้ เห็นจิตกระเพื่อม เห็นจิตทำงานเป็นทีม ร่วมกับขันธ์ตัวอื่นๆ เห็นจิตดับ เห็นจิตเป็นตัวทุกข์ ยังหลงไปดูจิตตอนที่จิตไม่กระเพื่อม ทำให้แน่นหน้าอก เลยท่องพุทโธตลอดวันเพื่อเป็นเครื่องอยู่ ที่ทำอยู่ถูกไหมคะ

หลวงพ่อ:

มันตึงไป มันตึงไปนิดหนึ่ง อย่าไปทำอย่างนี้ เหนื่อย ให้มันธรรมดากว่านี้อีก แล้วก็ไปกอดลูกเยอะๆ ไปกอดลูก แล้วจิตมีราคะขึ้นมารู้ว่ามีราคะ เปลี่ยนจากราคะเป็นเมตตาให้ได้ ราคะกับเมตตาไม่เหมือนกัน เรากอดลูก ทีแรกเรามีราคะอยากกอด เรารู้ทันราคะ มันก็เปลี่ยนเป็นเมตตา พอเป็นเมตตาแล้ว ก็กอดมันให้เยอะๆ ไป เด็กมันจะได้ความอบอุ่น โตขึ้นมันจะได้ไม่ก้าวร้าวมาก

คนรุ่นนี้ไม่ค่อยกอดลูก เด็กก็เลยกอดหมา กอดแมว กอดมือถือ เด็กไม่มีความอบอุ่น เด็กก็เที่ยวแสวงหาอะไรต่ออะไร เพื่อสนองในสิ่งที่ตัวเองขาด คนโบราณขาดวัตถุสิ่งของ ของกินของใช้ คนแต่ก่อนไม่ค่อยมีหรอก แต่จิตใจอบอุ่น คนรุ่นนี้ของกินของใช้เยอะ แต่จิตใจไม่อบอุ่น ขาดตรงนี้ น่าสงสารที่สุดเลย ฉะนั้นจิตใจหิวโหย กระพร่องกระแพร่ง บางคนมันขาดมาก มันอยากให้คนอื่นรู้จัก อยากให้คนอื่นยอมรับ มันไปไล่ฆ่าคนอื่นก็ได้ จากเด็กๆ ไปไล่ฆ่าคน

พ่อแม่ก็กอดลูกให้เยอะหน่อย ดูแลลูกให้เยอะหน่อย เอาแต่เงินให้ลูก เอายาพิษให้ลูกแล้ว เด็กไม่ได้มีวิจารณญาณ มีเงินเยอะแล้วก็ไปใช้อะไรเหลวไหลขึ้นมา ฉะนั้นพยายามปรับ อย่าไปคิดว่าการปฏิบัติจะต้องใจไม้ใส้ระกำ เย็นชา ไม่ใช่เลย อย่าน้อมเข้าหาความเย็นชา อยู่กับเมตตาไว้ ไม่ใช่เย็นชา หรือเอะอะก็อุเบกขา อุเบกขาแบบนั้นไม่ใช่หรอก เขาเรียกว่าเย็นชา ไม่เหมือนกัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 16 ธันวาคม 2566