คำถาม:
หลวงพ่อ:
ภาวนาได้ดีอยู่ แต่มันมีสิ่งที่ล่อ แหลมมากๆ เลย อย่าไปดูตัวผู้รู้ พอเราดูตัวผู้รู้ มันจะกลายเป็นตัวถูกรู้ แล้วก็มีตัวผู้รู้ใหม่ขึ้นมาอีก แล้วดูไปจะไม่มีที่สิ้นสุด ตัวนี้ที่เรียก วิญญาณัญจายตนะ ดูวิญญาณคือ ดูจิต จิตผู้รู้นั่นล่ะ ดูแล้วมันกลายเป็นถูกรู้ มีตัวรู้ซ้อน พอดูตัวนี้ปุ๊บ มันเกิดตัวรู้ใหม่ซ้อน เรียกวิญญาณเป็นอนันต์ ไม่เอา ตัวนี้ถ้าติดแล้วแก้ยาก หลวงพ่อเคยไปติด แก้เป็นปีเลย เพราะฉะนั้นเวลาดูจิต ดูอย่างนี้ จิตสุขก็รู้ จิตทุกข์ก็รู้ จิตดีก็รู้ จิตโลภ โกรธ หลงก็รู้ ดูอย่างนี้ อย่าไปดูจิตที่ตัวจิตตรงๆ
ถ้าดูจิตตรงๆ มันจะกลายเป็นวิญญา ณัญจายตนะ เป็นสมถะชนิดหนึ่ง แล้วจะติด แล้วจะแก้ยาก แก้กันนานเลยถ้าไปติดตัวนี้ พอลงมือปฏิบัติมันก็จะไปจ้องอยู่ที่ตัวจิตขึ้นมาอีกแล้ว แล้วเกิดจิตซ้อนจิตไปเรื่อยๆ ดูจิตดู 2 อย่าง อันหนึ่งดูความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับจิต เช่น มันสุข มันทุกข์ มันดี มันชั่ว อีกอันหนึ่งดูพฤติกรรมของจิต จิตเดี๋ยวก็หลงไปทางตา เดี๋ยวก็หลงไปทางหู เดี๋ยวก็หลงไปทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เดี๋ยวก็หลงไปคิด เดี๋ยวก็ถลำลงไปเพ่ง ดูพฤติกรรมแบบนี้ อย่าไปดูตัวมันตรงๆ จิตโดยตัวมันเอง ไม่มี มันว่าง โดยตัวมันเอง ไม่ต้องพยายามไปดูมัน
หลวงปู่ดูลย์ท่านสอนบอกว่า “อย่าใช้จิตแสวงหาจิต อีกกัปหนึ่งก็ไม่เจอ” ไม่เจอหรอก เพราะว่ามันซ้อนๆๆๆ หลอกเราไปเรื่อยๆ ออกมาดูความรู้สึก หรือจิตหลงไปดูรูป รู้ทัน จิตหลงไปฟังเสียง รู้ทัน จิตหลงไปคิด รู้ทัน จิตหลงถลำลงไปเพ่ง รู้ทัน อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเราดูจิต ติดสมาธิ รู้สึกไหม จิตมันแรง ถ้าอย่างนี้มันจะติดตรงนี้ เราติดนานๆ ถ้าตายไป ไปเป็นพรหมชนิดหนึ่ง อยู่ในภูมิวิญญาณัญจายตนะ ไปเป็นพรหมชั้นที่ 6 กระทั่งมะพร้าวอ่อนก็ไม่ได้กิน ไข่ต้มก็ไม่ได้กิน เออ ถอยออกมา อย่าไปจ้องผู้รู้ซ้อนเข้าไป
วัดสวนสันติธรรม 23 กรกฎาคม 2566