นั่งสมาธิดูลมหายใจใช้พุทโธกำกับ สังเกตว่านั่งสมาธิและเดินตอนเช้าและเดินเย็น จิตดิ่งไม่บ่อย แต่จะวิ่งพล่านไปคิด แต่ถ้านั่งสมาธิช่วงบ่ายจิตจะดิ่งอย่างรวดเร็ว

คำถาม:

นั่งสมาธิดูลมหายใจใช้พุทโธกำกับ เวลาเริ่มสงบ จิตจะไม่เอาพุทโธ บางครั้งสว่าง ถ้านั่งสมาธิไม่ลงจะเดินก้าวสั้นๆ ช้าๆ ดูกระทบฝ่าเท้าเพื่อดึงสติ ดึงสติได้จะกลับมานั่ง สังเกตว่านั่งสมาธิและเดินตอนเช้าและเดินเย็น จิตดิ่งไม่บ่อย แต่จะวิ่งพล่านไปคิดนานจึงจะสงบ แต่ถ้านั่งสมาธิช่วงบ่ายจิตจะดิ่งอย่างรวดเร็ว และจิตสว่าง สมาธิที่ทำถูกต้องไหมครับ

หลวงพ่อ:

สมาธิใช้ได้แล้ว จิตมันก็มีกำลัง พอมีสมาธิเราอย่าสว่างสบายอยู่เฉยๆ มันถึงจุดที่ต้องเจริญปัญญา ฉะนั้นเวลาจิตเราทรงอย่างขณะนี้ ดูลงในร่างกายเลย ร่างกายนี้ไม่ใช่ของสวยของงาม เป็นปฏิกูล เป็นอสุภะ ร่างกายนี้มีแต่ความไม่เที่ยง เดี๋ยวก็หายใจออก เดี๋ยวก็หายใจเข้า ค่อยๆ สอนลงไป สอนจิตให้ดูความเป็นไตรลักษณ์ของร่างกาย อย่าให้จิตไปติดว่างๆ สว่างอยู่เฉยๆ เสียเวลานาน ต้องเดินปัญญา พิจารณาลงในกายนี้ล่ะ

เบื้องต้นง่ายที่สุดเลย ดูเป็นปฏิกูล เป็นอสุภะไป มันไม่ใช่ของสวยของงาม กินอาหารสวยๆ แพงๆ เข้าไปแล้วขับถ่ายออกมา มันก็ไม่สวยเหมือนกัน อะไรที่ผ่านเข้าไปในร่างกายแล้ว ล้วนแต่ไม่สวยไม่งามทั้งนั้น หายใจเข้าไป ลมหายใจดีๆ พอลมหายใจออกมาก็สกปรกแล้ว เหม็นแล้ว เฝ้าดู อะไรที่ผ่านเข้าไปในกายมีแต่ของสกปรกกลับออกมา แล้วดูไปเรื่อยๆ ก็พยายามก้าวขึ้นต่อ ขึ้นไปสู่ไตรลักษณ์ ทำได้ดีๆ ที่ต้องเอาอสุภะมาล่อก่อน เพราะจิตมันติดสมาธิ

จิตไปติดว่างๆ อยู่ ดี ไม่ใช่ไม่ดี นี้พอจิตมันติดมากๆ เราก็จะกระตุ้น กระตุ้นมันทีแรกเอาก่ำกึ่งระหว่างสมถะกับวิปัสสนา ให้จิตมันเคลื่อนออกมาพิจารณาลงในกาย ให้เห็นมันเป็นปฏิกูล เป็นอสุภะ แล้วถัดจากนั้นค่อยๆ ดู ยกระดับการดูขึ้นไปให้เห็นไตรลักษณ์ ร่างกายที่หายใจออกไม่ใช่เรา ร่างกายที่หายใจเข้าไม่ใช่เรา อย่างตอนที่เราดูอสุภะ ลมหายใจเข้าก็สะอาด ลมหายใจออกก็เหม็นแล้ว กินอาหารเข้าไป อาหารอย่างดี ถ่ายออกมาก็สกปรก ต่อไปก็ดูอีกร่างกายนี้ไม่เที่ยง เดี๋ยวก็จะหายใจออก เดี๋ยวก็หายใจเข้า เดี๋ยวก็กินอาหาร เดี๋ยวก็ขับถ่าย เหมือนเครื่องจักรตัวหนึ่ง ป้อนอะไรเข้าไป แล้วก็มีอะไรเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงกลับออกมา เป็นของไม่คงที่ ดูไปเรื่อยๆ แล้วมันจะก้าวไปสู่การเจริญปัญญาได้

ตรงนี้ไปรวบจิตเข้ามาเพ่งแล้ว ไม่ทำๆ จิตจะสงบไม่ต้องไปดึงมัน เราแค่มนสิการถึงความสว่าง จิตมันก็สงบแล้ว เพราะเราชำนาญในเรื่องของสมาธิอยู่แล้ว ไม่ต้องไปดึงมัน ถ้ายิ่งดึงยิ่งไม่สงบ ใช้ใจปกตินี้ล่ะ แล้วก็ระลึกถึงแสงสว่าง ก็สงบทันทีเลย เออ เห็นไหม มันสงบอย่างนี้ อันนี้พอเราได้สมาธิแล้ว เราถอยจิตออกมา มาที่กาย ถอยออกมารู้ในร่างกาย เออ นั่นล่ะ แล้วดูไปร่างกายเป็นปฏิกูล เป็นอสุภะ เป็นของไม่เที่ยงอะไรก็ดูไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 24 กันยายน 2565