คำถาม:
หลวงพ่อ:
ปัญหาหลักของเรา คือเราอยากได้ความสุข เราไม่ได้อยากพ้นทุกข์ ทำอย่างไรจะได้ความสุข ก็ต้องได้รูป ได้เสียง ได้กลิ่น ได้รสที่สัมผัสที่พอใจ มีคนเอาอกเอาใจ มันก็มีความสุข ภาวนาก็อยากจะเจอแต่คนดีๆ คนชั่วๆ ไม่อยากเจอ อยากได้แต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีไม่อยากได้ จิตยังไม่เป็นกลาง เพราะฉะนั้นสังเกตจิตใจตัวเองไป จิตใจเราโลภ อยากดีก็โลภ ก็รู้ทัน เห็นคนอื่นเขาดีกว่าก็ไม่ชอบ อันนี้เรียกว่าอิจฉา คอยดูของเราเองไป เทียบเขาเทียบเรา รู้สึกไหมว่าเทียบเก่ง เออ นั่นล่ะตัวนั้นเรียกว่า “มานะ” สังเกตกิเลสตัวเราเอง ยิ่งเรารู้ทันกิเลสตัวเองมากเท่าไร กิเลสจะครอบงำจิตใจเราได้น้อยลงๆ จิตใจเราจะสะอาดมากขึ้นๆ จิตใจที่สะอาดเป็นจิตใจที่เหมาะกับการรองรับธรรมะ
เพราะฉะนั้นศัตรูที่ขวางเราไม่ให้เข้าถึงธรรมะ ก็คือกิเลสของเราเอง อย่างที่หลวงพ่อบอกเมื่อกี้ นิพพานมีอยู่แล้ว แต่กิเลสตัณหาต่างหากกั้นเราไว้ ทำให้เราไม่เห็นพระนิพพาน เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เบอร์ 1 เรียนรู้กิเลสตัวเองให้มาก ทำได้อยู่ เพราะจิตมีสมาธิพอสมควรอยู่แล้ว ให้คอยรู้ทันกิเลสตัวเองไว้ ตาเห็นรูป กิเลสเกิด รู้ทัน หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นกระทบรส กายกระทบสัมผัส ใจกระทบความคิด กิเลสเกิดให้รู้ทัน คอยรู้ทันกิเลสตัวเองไว้ แล้วมันจะดีเอง
วัดสวนสันติธรรม 25 กุมภาพันธ์ 2566