คำถาม:
หลวงพ่อ:
ภาวนาได้ดี ดีเยอะๆ เลย ทำมาถูกแล้ว สมาธิก็ใช้ได้ สังเกตไหม ใจเราอ่อนโยน ใจเรานุ่มนวล มันไม่ได้แข็งทื่อๆ กระด้างๆ จิตใจอย่างนี้ เป็นจิตที่เป็นกุศล เบา อ่อนโยน นุ่มนวล คล่องแคล่ว ว่องไว รู้สึกไหมมันเป็นธรรมชาติจริงๆ จิตอย่างนี้ ดี แล้วเราคิดถึงคู่ของเราที่ล่วงลับไปแล้ว พอจิตเราดี เราก็คิดถึง บอก “ที่เรามาถึงตรงนี้ได้ เพราะได้เขามาเป็นคู่ชีวิตมา ได้พัฒนาตัวเองมา เป็นบุญอันใหญ่ ขอให้เขามีส่วนแห่งบุญนี้ด้วย” ที่จริงความเกิด ความตาย มันเป็นภาพลวงตาเท่านั้นล่ะ สังสารวัฏตรงนี้เยอะแยะ สัตว์ จิตไม่มีระยะทาง จิตเราไม่มีระยะทาง ไม่ใช่ เขาไปอยู่ไกลๆ ไม่ใช่ เราระลึกถึงเมื่อไร ก็จะถึงเมื่อนั้นเลย
แต่ถ้าจิตใจเราเศร้าหมอง ระลึกถึง กระแสความเศร้าหมองก็แผ่ออกไป อันนี้ไม่ดี เดี๋ยวเขาลำบาก เราภาวนา จิตใจเราร่มเย็นเป็นสุข เราก็นึกถึงเขา ให้เขามีส่วนแห่งบุญนี้ด้วย พลังงานของจิตมันจะไปเชื่อม เราตายจากกันเฉพาะกาย แต่จิตไม่มีระยะทาง อันนี้ยืนยันเลย จิตไม่มีระยะทางหรอก อยู่ในภพภูมิอะไร ถ้าใจเราเชื่อมต่อได้ นึกถึง แต่บางภูมิเขาไม่รับส่วนบุญ บางภูมิรับส่วนบุญไม่ได้ บางภูมิรับส่วนบุญได้ บางภูมิที่เขาไม่รับส่วนบุญ เพราะเขาสูงกว่าเปรต สูงกว่าเปรตบางชนิด เปรตบางอย่างก็ไม่รับส่วนบุญ
แต่พวกที่สูงขึ้นมา เป็นมนุษย์ เป็นเทพ เป็นพรหม เขาอนุโมทนา อย่างพอเราภาวนาดีๆ เราส่งกระแสแผ่เมตตา แผ่ส่วนบุญออกไป เขาอนุโมทนา เขาดีใจที่เราดี ถ้าเรามัวแต่ร้องไห้ เศร้าโศก กระทบไปถึงเขา ใจเขาก็เศร้าหมอง เขาไม่ได้บุญด้วยหรอก แต่เราภาวนาจิตใจเราสว่างไสว ร่มเย็นเป็นสุข นึกถึงเขา เขาสัมผัสปุ๊บ เขาจะดีใจ เพราะฉะนั้นบุญที่พวกนี้ได้รับ เป็นบุญจากการอนุโมทนา ไม่ได้รับบุญจากเราตรงๆ หรอก เพราะฉะนั้นเราแผ่ส่วนบุญ แผ่เมตตาไปเรื่อยๆ แต่ใจเราต้องดี แล้วเขาอนุโมทนา แล้วเขาก็ได้บุญ มีความสุข คนเรามันไม่ตายจริงหรอก มันตายแต่เปลือก จิตมันก็ยังเชื่อมกันได้
วัดสวนสันติธรรม 25 กุมภาพันธ์ 2566