เอาเเต่ใจและโกรธเเม่ ก็เลยพาลไปด่าพระ ตอนนี้ได้สำนึก ในรูปแบบพยายามทำให้ถึง 2 ชั่วโมง รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้น เเต่ไม่รู้ว่าตัวเองติดขัดอะไร

คำถาม:

ตอนที่เอาเเต่ใจและโกรธเเม่ ก็เลยพาลไปด่าพระ ตอนนี้ได้สำนึก บริกรรมพุทโธกับดูลมหายใจ ดูจิตบ้าง ในรูปแบบช่วงไม่นานมานี้พยายามทำให้ถึง 2 ชั่วโมง รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นเเล้ว เเต่ไม่รู้ว่าตัวเองติดขัดอะไร สิ่งที่เข้าใจก็ไม่มั่นใจว่าใช่หรือไม่ ขอคำแนะนำการปฏิบัติค่ะ

หลวงพ่อ:

ถ้าเราไปด่าพระ เราขอขมาเสีย ขอขมาในใจก็ได้ ขอขมาไว้ใจเราจะได้ไม่เศร้าหมอง เราอาละวาดกับแม่ เราขอขมาแม่ด้วย แม่อยู่กับเราอย่างนี้ เราก็บอกเขาว่าเราขอขมา การขอขมา มันเป็นการลดละกิเลสตัวเอง ลดละทิฏฐิมานะว่ากูเก่ง กูถูกอะไรอย่างนี้ พอเราขอขมา ใจเราสบายขึ้น การภาวนามันจะราบรื่นขึ้น

ที่ปฏิบัติอยู่ดี ใช้ได้ แก้ปมซึ่งมันติดในใจเราเสียเท่านั้นเอง แล้วเราก็จะเดินต่อได้ อย่างบางคนมีปม แต่ละคนมันก็มีปมกันแทบทุกคนล่ะ อย่างบางคนเป็นเกย์มีปมอยู่ในใจ แล้วยอมรับตัวเองไม่ได้ ภาวนาแล้วก็เครียด ใช้ชีวิตอยู่ก็เครียดอะไรอย่างนี้ พอรู้ทันว่ามีปมจิตเรื่องนี้ หมกมุ่นกังวลเรื่องเพศสภาพ ยอมรับสิ่งที่เป็น ยอมรับตัวเองได้ ใจสบายออกมา ภาวนาก็ราบรื่นขึ้น สมมติว่าเรามีปมคือเราเคยว่าแม่ว่าพระ เราไปขอขมาเสีย จะได้แก้ปมนี้ แล้วเราจะภาวนาราบรื่นยิ่งขึ้นจะดีขึ้น

คนที่กล้าขอขมาเป็นคนที่กล้าหาญ คนที่ทำผิดแล้วกล้าขอโทษเป็นคนกล้าหาญเป็นคนดีมากๆ เลย อย่าต้องเสียอกเสียใจ ให้รู้ทันจิตใจของเรา อย่าให้ความเศร้าหมองครอบงำใจของเรา ถ้าความเศร้าหมองครอบงำใจ ให้เรารู้ทัน ให้รู้ ตอนนี้ใจถูกความเศร้าหมองครอบงำ ไม่ต้องอยากหาย ยอมรับมัน เป็นกลางกับมัน ยอมรับมัน

พอจิตเป็นกลางเท่านั้น มันหลุดหมดโลกเลย ถ้าจิตไม่เป็นกลาง ก็หยิบอันโน้นผลักอันนี้ไปเรื่อย อดีตจบไปแล้ว อดีตหมดไปแล้ว อยู่กับปัจจุบันไว้ อะไรไม่ดีเรารู้ ไม่ใช่ไม่รู้ เราก็เลิกเสีย แล้วก็เจริญสติให้สม่ำเสมอ ชีวิตจะร่มเย็นเป็นสุขมากขึ้นๆ ดี อดทนไว้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 27 สิงหาคม 2566