บริกรรมคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า พยายามรู้กายรู้ใจ ขอทางสายกลางเฉพาะตัวที่ทำให้เป็นที่พึ่งของตนได้

คำถาม:

ตั้งใจรักษาศีลและฝึกสติ บริกรรมคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ออกกำลังกายไป ทำงานบ้านไป ก็พยายามรู้กายรู้ใจ ขอทางสายกลางเฉพาะตัวที่ทำให้เป็นที่พึ่งของตนได้ค่ะ

หลวงพ่อ:

ตนเป็นที่พึ่งของตน รู้สึกกาย รู้สึกใจไป อย่าปล่อยให้ความเศร้าโศกครอบงำใจ บางทีภาวนาสลดสังเวชอะไรขึ้นมา ก็รู้ทัน ไม่ปล่อยให้มันครอบใจ ถ้ามันครอบใจ ใจก็จะอ่อนแอท้อแท้ลงไป ไม่ได้เร่งเร้าตัวเองให้ต่อสู้ ไม่ต้อง ไม่ต้องไปเร่งเร้ามัน แต่ไม่ปล่อยให้มันจมอยู่ในความเศร้าโศก เวลาจิตมันมีความเศร้าโศกเกิดขึ้น ให้รู้เข้าไปตรงๆ รู้ว่าจิตกำลังเศร้าโศก ไม่ต้องแก้ เดี๋ยวจิตมันจะแก้ตัวมันเอง ภาวนาบางทีหลายคนก็เป็นอย่างนี้ ภาวนาแล้วจิตมันเบื่อ จิตมันสลดสังเวช จิตมันรู้สึกโลกนี้ไม่มีสาระเลย จิตใจรู้สึกแห้งแล้ง อันนี้เป็นทางผ่านว่าเราเห็นโลกแล้ว โลกไม่มีอะไร โลกมีแต่ทุกข์ ไม่มีสาระแก่นสาร พอเห็นจิตมันเกิดสลดสังเวชขึ้นมา เกิดความเบื่อหน่าย อยากจะหลุดออกไป อยากจะพ้นออกไป ให้เรารู้ทัน จิตมันเบื่อก็ให้รู้ จิตมันเห็นโลกไม่มีสาระแก่นสาร ให้รู้ จิตมันอยากพ้นออกไป ให้รู้
มันเป็นทางผ่านที่นักปฏิบัติทุกคนเขาก็ผ่านทางนี้ พอเห็นตามความเป็นจริง มันเบื่อ เบื่อแล้วมันก็ไม่มีทางหนีไปให้พ้น คล้ายๆ แหม มันไม่รู้จะไปทางไหนแล้ว อยู่กับมันก็ทุกข์ อยากหนีก็หนีไม่ได้ จะหนีอย่างไร เพราะสิ่งที่ทุกข์ก็คือกายกับจิตของเราเอง จะหนีไปไหน มันก็เอากายเอาจิตไปด้วย มันหนีไม่ได้ พอหนีไม่ได้ มันก็อยากหนีเต็มที มันก็คับข้องใจ เครียด ก็ถูกความเศร้าโศกครอบงำใจ เสียใจ ให้รู้เข้าไปตรงๆ เลย อย่าปล่อยให้อารมณ์ครอบใจ นี้เป็นเส้นทางผ่านที่คนเจริญวิปัสสนาเขาผ่านกัน พอเห็นแล้วก็มันก็เบื่อ เห็นตามความเป็นจริง
โลกไม่เห็นมีอะไร มันเบื่อ มันเห็นความไม่มีสาระแก่นสาร เห็นโลกนี้มีแต่ทุกข์มีแต่โทษ เรียกอาทีนวญาณ ตรงที่มันเบื่อเรียก นิพพิทาญาณ เห็นโลกนี้เป็นอันตรายเรียกภยตูปัฏฐานญาณ รู้สึกไหมโลกนี้ไม่ปลอดภัย แล้วจิตก็อยากจะพ้นไป มันเป็นกระบวนการ จุดที่ยังพลาดก็คือสมาธิไม่พอ เพราะฉะนั้นให้รู้จักพักบ้างๆ พอสมาธิเราพอ เราก็จะเห็นความเศร้าโศกก็เป็นไตรลักษณ์ ความเบิกบานก็อยู่ใต้ไตรลักษณ์ ความสุข ความทุกข์ก็อยู่ใต้ไตรลักษณ์ มันจะน้อมทุกสิ่งทุกอย่างลงมาในมุมของไตรลักษณ์ทั้งหมด นี่คือเส้นทางที่พอจิตมันอยากพ้นไปแล้วมันพ้นไม่ได้
แทนที่จะนั่งร้องไห้ ดูมันเข้าไปตรงๆ ก่อน ทำใจสงบขึ้นมา ทำสมถะ ไหว้พระ สวดมนต์อะไรก็เอา พอจิตใจสงบแล้ว มันมีทางออก มันระลึกถึงอะไร มันก็จะเห็นไตรลักษณ์ที่นั้น พอเห็นไตรลักษณ์มากเข้าๆ ต่อไปจิตก็จะเป็นกลาง ตอนนี้เรายังภาวนาไม่ถึงความเป็นกลาง มันเป็นทางผ่าน ต้องผ่านอย่างนี้ทุกคนล่ะ เราไม่ผ่าน เพราะกำลังเราไม่พอ สมาธิไม่พอปุ๊บ เราก็ถูกอารมณ์เศร้าหมองครอบงำ ฉะนั้นทำความสงบ สงบแล้วมันเดินต่อได้ มันจะกลับมาดูไตรลักษณ์

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 28 สิงหาคม 2565