เห็นจิตตัวผู้รู้ดูกายอยู่ รู้สึกตัวบ่อยมาก แต่ไม่ค่อยเห็นอารมณ์ที่มากระทบเหมือนกับรู้สึกทรงตัวอยู่เฉยๆ

คำถาม:

ตอนบวช หลวงพ่อเคยบอกว่าให้ดูกายเป็นฐานไปเรื่อยๆ แล้วมันจะเห็นจิตเอง ช่วงนี้ผมเห็นจิตตัวผู้รู้ดูกายอยู่ ไม่รู้ว่าใช่จิตไหม รู้สึกตัวบ่อยมาก แต่ไม่ค่อยเห็นอารมณ์ที่มากระทบเหมือนกับรู้สึกทรงตัวอยู่เฉยๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทำในรูปแบบผิดหรือเปล่าครับ

หลวงพ่อ:

ขันธ์มันก็แยกได้ จิตมันก็ตั้งมั่นได้ แต่มันติดสมาธิ ตรงที่ทำไปแล้ว มันก็ไปรู้ตัวนิ่งๆ เฉยๆ อยู่ อันนี้มันติดสมาธิ ต้องต้อนมันออกมาเจริญปัญญา ถ้าจิตมันไปนิ่งๆ เฉยๆ ออกมาดูกายต่อเลย แล้วช่วยมันคิดพิจารณาลงไป ร่างกายนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เป็นปฏิกูล เป็นอสุภะ คิดพิจารณาเข้าไปเลย เป็นการกระตุ้นให้จิตมันทำงาน ไม่ให้มันติดเฉยๆ อยู่ ที่ไปทำแล้วจิตมันว่างๆ นิ่งๆ รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ อันนั้นมันติดสมาธิ ต้อนมันออกมาดูกายไว้ คิดพิจารณาเป็นปฏิกูลอสุภะ เป็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอะไร คิดอยู่ใน 4 มุมนี้ ในมุมของปฏิกูลอสุภะ ในมุมของความไม่เที่ยง ในมุมของการถูกบีบคั้น ในมุมของความไม่ใช่ตัวเรา เป็นวัตถุ เป็นก้อนธาตุ ดูกาย ดู 4 มุมนี้ จิตมันจะเคลื่อนออกมาจากสภาวะที่ติดสมาธิ นิ่งๆ ว่างๆ

อย่าให้มันติดว่าง เสียเวลา ติดว่าง เสียเวลามากๆ เลย แล้วถ้าติดแล้วตายตรงนั้นไปเกิดเป็นพรหมว่างๆ พระพุทธเจ้ากี่องค์ๆ มาตรัสรู้ ไม่รู้เรื่องเลย เพราะมันว่างๆ อยู่อย่างนั้น ฉะนั้นน้อมกลับออกมา มาพิจารณาร่างกายไป

สังเกตไหม บางทีอยู่ๆ จิตมันก็มีความสุขผุดขึ้นได้เอง อันนั้นเป็นผลของสมาธิ ใช้ได้ สังเกตไหม ความสุขมันผุดขึ้นเอง บางทีมีปีติ ปีติก็เกิดเอง ดูไปให้เห็นเลย ทุกอย่างมันเกิดดับๆ ไป นั่นล่ะการดูจิตที่แท้จริงล่ะ จิตมีปีติก็รู้ ปีติเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จิตมีความสุขเกิดขึ้นก็รู้ ความสุขดับไปก็รู้ อย่างนี้เราเดินปัญญาแล้ว

เห็นไหมตรงที่ความสุขมันผุดขึ้นมา เราไม่ได้ไปนิ่งๆ เคลิ้มๆ อยู่ข้างในเลยมันอยู่กับโลกข้างนอกอย่างนี้ นี่ล่ะสมาธิล่ะ ส่วนสมาธิที่ลึกลงไปนิ่งเงียบเอาไว้พักผ่อน สมาธิที่จะใช้เจริญปัญญา เจริญสติในชีวิตประจำวัน อยู่อย่างนี้ รู้สึกไปๆ บางทีความสุขก็ผุด บางทีปีติก็ผุด บางทีโทสะก็ผุดขึ้นมา เฝ้ารู้อย่างนี้ ก็จะเห็นจิตมันเกิดดับเปลี่ยนแปลง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 29 มกราคม 2566