ช่วงนี้มีภาระหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้นรู้สึกกำลังจิตอ่อนลง ฟุ้งซ่านง่าย หลงง่าย แต่พยายามภาวนาในรูปแบบ ทุกเช้าทุกวันไม่ขาด ตั้งมั่นได้บ้าง เผลอง่วงไปบ้างแต่ก็ทำ

คำถาม:

ช่วงนี้มีภาระหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อทำให้สำเร็จ ใช้เวลากับงานตรงหน้ามากขึ้น รู้สึกกำลังจิตอ่อนลง ฟุ้งซ่านง่าย หลงง่าย แต่พยายามภาวนาในรูปแบบ ทุกเช้า หลังตื่นนอนทุกวันไม่ขาด ตั้งมั่นได้บ้าง เผลอง่วงไปบ้างแต่ก็ทำ ขอหลวงพ่อแนะนำการปฏิบัติด้วยค่ะ

หลวงพ่อ:

เวลาเราอยู่ในชีวิตธรรมดา ถ้ามีช่องว่างตรงไหน เราภาวนาตรงนั้นเลย เก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อยๆ แล้วอย่าไปกังวลว่า โอ้ ตายแล้ว งานเยอะไม่ได้ภาวนา กังวลนั้นมันกิเลส อย่าเสียเวลาไปกังวล มีเวลานิดหน่อย แทนที่จะเอาเวลาไปกังวล ก็เอาเวลานั้นภาวนาไปเลย ได้ 5 นาทีก็เอา 10 นาทีก็เอา เก็บเล็กเก็บน้อยไป ก็เท่ากับเราวันหนึ่งๆ ได้ภาวนาเพิ่มขึ้นเป็นชั่วโมงเลย อย่าง 5 นาที ชั่วโมงหนึ่งเราภาวนาได้ 5 นาที 12 ชั่วโมงเราได้ชั่วโมงหนึ่งแล้ว

ฉะนั้นเก็บเล็กเก็บน้อยไปทั้งวันนี่ล่ะ การทำงานเราก็จะทำด้วยจิตใจที่ไม่เคร่งเครียดด้วย เป็นผลดีกับการทำงานด้วย แล้วเวลาที่เรามาทำในรูปแบบ มันก็จะไม่ยากเกินไป เพราะเราเก็บเล็กเก็บน้อยมาทั้งวันแล้ว หลวงพ่อไม่ได้สอนว่า เวลามีงานมากๆ ให้ลาออกจากงาน เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนจะทำอย่างนั้นได้ แล้วบางคนไม่ควรจะลาออกจากงาน ถ้าออกจากงานอยู่บ้านเฉยๆ ภาวนาไม่ได้ ต้องมีการกระทบอารมณ์ แต่ต้องภาวนาให้เป็น

กรรมฐานนั้นไม่ได้เบียดบังเวลาทำมาหากินของเราหรอก ถ้าเรารู้จักหลอมรวมการปฏิบัติเข้ากับชีวิตจริง มันภาวนาได้ทั้งวัน ยกเว้นเวลาที่ต้องคิดงาน ถ้าต้องคิดงานก็คิดไป แล้วถ้าสังเกตให้ดี เวลาที่คิดงานนั้น ส่วนหนึ่งเท่านั้นล่ะ เวลาที่ใจลอยเยอะเลย เวลาที่กลุ้มใจเยอะเลย เอาเวลาตรงใจลอย เวลาที่กลุ้มใจ มาภาวนาไปเลย ทำอะไรไม่ได้ก็พุทโธๆ ไปก็ยังดี แล้วเราจะไม่เสื่อมหรอก ไม่ต้องกังวล

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม 6 มกราคม 2567