สะสมคุณธรรมความดี

พวกเราชอบทำบุญ เวลามีงานดูพร้อมเพรียง นี่ประชดนะ ยิ้มหวาน เวลาฟังธรรมให้มันพร้อมเพรียงแบบนี้ วันนี้วันสำคัญอยู่ในประวัติพระพุทธเจ้า ตลอดพรรษา พรรษาที่ 7 ท่านตรัสรู้แล้วเป็นพรรษาที่ 7 ท่านขึ้นไปแสดงธรรมโปรดพระมารดาในดาวดึงส์ ออกพรรษาแล้วท่านก็กลับลงมา ท่านก็แผ่ฉัพพรรณรังสีออกไป ฉัพพรรณรังสีของท่านก็สว่างไสว ทุกโลกธาตุสามารถมองเห็นได้ ทั้งพรหมโลก เทวโลก มนุษย์ สัตว์นรก เห็น

คนส่วนใหญ่ที่ไปชุมนุมกันอยู่ที่เมืองสังกัสสะ คนจำนวนมากที่ไปเห็นเหตุการณ์ในวันนั้น ตั้งความปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้า ฉะนั้นเป็นวันที่เกิดพระโพธิสัตว์เยอะมาก เรียกว่าวันของพระโพธิสัตว์ก็ได้ แต่โดยนัยของธรรมะที่แฝงอยู่ในเรื่องนี้ก็คือ พระกรุณาของพระพุทธเจ้าไม่มีขอบเขต ตั้งแต่สัตว์ที่สูงสุดจนต่ำสุด ก็อยู่ในข่ายความกรุณาของท่าน

คนที่ปรารถนาพุทธภูมิตามท่านก็มีหลายพวก พวกหนึ่งเห็นบารมีของท่านมากมาย อยากเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง บางพวกเห็นสัตว์ที่ตกต่ำลำบาก เกิดใจกรุณาก็อยากเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง คนที่หวังพุทธภูมิก็เลยมีหลายแบบ แบบอยากใหญ่ อยากเด่น อยากดังก็มี พวกนี้พอไปเจอความยากลำบากเข้าก็ถอย ส่วนมากไม่สำเร็จหรอก แต่พวกที่ไปด้วยมหากรุณาสงสารสัตว์โลกจริงๆ พวกนี้ถึงจะไปได้ หลวงปู่ดูลย์ท่านเคยเล่าให้หลวงพ่อฟัง บอกท่านพิจารณาดูแล้ว พระโพธิสัตว์ในขณะนี้มีมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าอีก ดาวที่เราเห็น พระโพธิสัตว์มีเยอะแยะเลย ส่วนหนึ่งถึงจะสำเร็จในอนาคต แต่ส่วนหนึ่งก็ไม่สำเร็จก็ยกเลิกไป

 

เรามีโอกาสทำความดีก็ทำเสีย

ทีนี้ถ้าเราคิดถึงเหตุการณ์วันนี้ ให้เราคิดถึงความเมตตากรุณา เรามีความเมตตากรุณา เห็นสัตว์ทุกข์ยาก เห็นคนทุกข์ยาก ช่วยได้ก็ให้ช่วย อย่างตอนนี้คนถูกน้ำท่วมไปเยอะเลย ลำบาก ไม่ใช่แค่ว่าน้ำลดแล้วความลำบากหมดไป บางที่เรือกสวนไร่นาเสียหายหมดเลย หลวงพ่ออยู่เมืองนนท์เคยมีน้ำท่วม ต้นทุเรียนตายยกสวนเลย มันไม่ใช่แค่ว่าน้ำท่วมแล้วเอาข้าวไปให้เขากินแล้วจบ มันไม่จบหรอก เขายังลำบากต่อเนื่องอีกหลายปีเลย

ถ้าเราหัดมองความทุกข์ของคนอื่นบ้าง เราจะรู้ว่าเรามีบุญกว่าคนอื่นตั้งเยอะ บางคนน้อยเนื้อต่ำใจว่าชีวิตเราลำบากเหลือเกิน หัดดูคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเรา แล้วเราจะรู้สึกว่าความลำบากของเราเล็กน้อย พระพุทธเจ้าบอกว่าความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง ความหิวไม่มีจะกินเป็นทุกข์ ของเราไม่ได้เลื่อนตำแหน่งก็ทุกข์แล้ว จีบสาวไม่สำเร็จก็ทุกข์แล้ว จีบสำเร็จไม่สำเร็จมันก็อย่างนั้นๆ ล่ะสุดท้าย ความทุกข์ของเรามันไม่ใช่ความทุกข์ที่เกิดจากการขาดแคลนความต้องการขั้นพื้นฐาน

อย่างพวกเราถือว่ามีบุญ ถึงเวลากินก็ยังมีกิน มีที่ซุกหัวนอน เจ็บป่วยยังไปหาหมอได้ บางคนอยู่บนภูเขาป่วย ญาติหามลงมายังไม่ทันถึงเชิงเขาก็ตายแล้ว ฉะนั้นคนลำบากกว่าเรามีเยอะ ฉะนั้นเวลามองอย่ามองเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง ถ้ามองเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง เราจะพบว่าเรายังขาดอันโน้น เรายังขาดอันนี้อีกมากมาย แต่เราหัดมองโลกให้กว้างๆ แล้วจะรู้เลยว่าคนที่ลำบากกว่าเรามีเยอะแยะเลย แล้วใจของเราก็จะเกิดความกรุณาขึ้นมา แต่ถ้าเราเอาตัวเองเป็นตัวตั้งจะไปเห็นแก่ตัว อันนี้ยังขาด อันนี้ยังขาด ก็ต้องไปแย่งกับคนอื่นเขามา

ฉะนั้นเวลาเราภาวนา ไม่ใช่คิดว่าจะพุทโธหายใจอะไรแล้วก็จะได้ดิบได้ดี ถ้าใจเรายังไม่มีคุณธรรม ธรรมะที่ดีๆ เราไม่มี เราไม่สะสม มันไม่เกิด มันยังไม่เกิดหรอก เราต้องค่อยๆ สะสมของเราไป ความชั่วต้องละ ความดีต้องทำ ต้องฝึกตัวเองไป การทำความดีมีเยอะแยะ อย่างเรามีกำลังพอ เราก็ช่วยสงเคราะห์คนที่ขาดแคลน สงเคราะห์สัตว์ที่ลำบาก เรียกเราทำทาน หลวงพ่อก็ทำ ทำมาตลอดเรื่องทำทาน แต่ไม่ได้บอกให้พวกเรามาทำกับหลวงพ่อ หลวงพ่อพอแล้ว

หลวงพ่อเวลาทำทาน หลวงพ่อจะไปช่วยตามโรงพยาบาลส่วนใหญ่ คนลำบากเยอะ ช่วยคนยากไร้ลำบาก ไปเห็นตามโรงพยาบาล ยิ่งต่างจังหวัดนี่ คนจนๆ มาเข้าโรงพยาบาลนอนเรียงเป็นแถวเลย แล้วต้องมีญาติมาเฝ้าไข้ด้วย เพราะว่าพยาบาลดูแลไม่ไหว คนมันเยอะ พวกญาติที่มาเฝ้านอนอยู่ใต้เตียงคนไข้ ดูนะ ต้องซุกอยู่อย่างนั้นล่ะ เตียงนั้นก็แคบๆ มีเหล็กยื่นตรงนั้นตรงนี้ คนลำบากมีเยอะ เวลาทำบุญหลวงพ่อเลยชอบไปทำสงเคราะห์พวกผู้ป่วยยากไร้อะไรพวกนี้ ตามวัดตามวาปกติไม่ค่อยทำเท่าไรหรอก วัดบางแห่งสร้างโบสถ์ใหญ่เบ้อเริ่มเลย มีพระ 5 – 6 องค์ ไม่ได้ประโยชน์เท่าไร ถามว่าได้บุญไหม ได้บุญ เราทำด้วยความเสียสละก็เป็นบุญทั้งนั้นล่ะ

แต่กำลังของเรามีจำกัด เราก็เลยเลือกไปทำตรงที่เขาจำเป็นจริงๆ อย่างพระจะสร้างวัดอะไรต่ออะไร บางองค์ก็จำเป็น บางองค์ก็ไม่จำเป็น สร้างกันไม่รู้จักจบ เป็นกิจกรรมที่จะต้องทำ ไม่รู้จะทำอะไร หลวงปู่ดูลย์ท่านเคยสอน บอกว่างานสร้างวัดเป็นงานของโยม เรามีหน้าที่ไปภาวนาเท่านั้นล่ะ แล้วถ้าเราภาวนาดีมีศีลมีธรรม คนเขามาสร้างวัดเองล่ะ เขามาช่วยกันทำเอง เราไม่ต้องอ้าปาก ไม่ต้องเอ่ยปาก ฉะนั้นพวกเรามีโอกาสทำความดีก็ทำเสีย

ที่เมืองชลฯ เวลาคนตายเขาชอบเอาศพมาฝังไว้ที่นี่ ถึงปีก็มาไหว้ทีหนึ่ง ผีมันไม่อยู่กับศพหรอก มันจะอยู่ทำไมศพมันผุพังไปหมดแล้ว อยู่ก็ไม่มีความสุข พอตายปุ๊บมันก็ไปเกิดในภพภูมิที่กรรมพาไป ไม่มีใครพาไป กรรมของตัวเองพาไป ทีนี้บางคนไม่เคยทำบุญอะไรไว้เลยก็ลำบาก รอให้ลูกหลานทำให้ อย่างไปเกิดเป็นเปรตอย่างนี้ อายุยืน อายุยืน พวกนี้อายุยืนกว่าพวกเรา เพราะไม่มีกายหยาบ กายหยาบของเราก็ชำรุดง่าย พวกโอปปาติกะกายมันละเอียด อายุยืนกว่าเรา ถ้าไม่เคยทำบุญเอาไว้ด้วยตัวเอง รอลูกหลานทำบุญ ไม่นานลูกหลานก็ตายหมดแล้ว คราวนี้ก็กลายจากผีมีญาติกลายเป็นผีไร้ญาติ ลำบาก ฉะนั้นถ้ามีโอกาสทำเราทำของเรา

อย่างวันนี้พวกเรามาใส่บาตร หลวงพ่อก็อนุโมทนา หลวงพ่อไม่ได้ฉันข้าวทุกเม็ดที่เราใส่กันหรอก บางคนเห็นหลวงพ่อรับบาตรแล้ว พอบาตรเต็มก็ถ่ายเอาข้าวออกก็เสียใจ ใจฝ่อเลย ใส่ปุ๊บก็เทออกแล้ว หลวงพ่อไม่ได้ฉันข้าวของเรา ได้ยินไหม “ของเรา” ระบบของวัดกรรมฐาน พระไปบิณฑบาตมาก็ต้องมาเทอาหารรวมกัน จะเทหน้าศาลาหรือเข้ามาในศาลาแล้วก็คือเทรวมกัน แล้วก็แบ่งกันฉัน ไม่ใช่ว่าบิณฑบาตได้แล้วต้องฉันของที่เขาใส่บาตรอย่างเดียว ถ้าเป็นวัดบ้านบางทีก็ต้องอย่างนั้นล่ะ ใครหาได้ก็ฉันได้ ใครหาไม่ได้ก็ฉันไม่ได้ แต่วัดกรรมฐานไม่ได้ทำอย่างนั้น วัดกรรมฐานถ้าอิ่มก็อิ่มด้วยกัน ถ้าอดก็อดด้วยกัน มันคือชีวิตของสงฆ์ สังฆะคือชีวิตรวมหมู่ ไม่ใช่สบายคนเดียว

อย่างหลวงพ่อก็สอนพระลูกศิษย์ อย่างเราเจอของดี ของอร่อย ของชอบอะไร เวลาจะตักก็ต้องคิดถึงคนข้างหลังด้วย อันนี้ครูบาอาจารย์สอนหลวงพ่อมาอีกทีหนึ่ง หลวงปู่เทสก์ท่านเคยสอนบอกว่า เป็นพระมีอะไรก็ต้องแบ่งกัน ฉันคนเดียวไม่ได้ แล้วไม่ใช่เฉพาะคิดถึงแค่พระ ก็ต้องคิดถึงโยมด้วย อย่างโยมมาวัดโยมก็ต้องกินข้าวเหมือนกัน ท่านสอน ท่านก็เล่าบอกว่าถ้าเรามีขนมเบื้องหนึ่งแผ่น ในวัดมีพระร้อยองค์ เราจะแบ่งกันอย่างไร นี่ความประณีตของท่าน รู้จักขนมเบื้องไหม แบนๆ เล็กนิดเดียว บอกทำได้ ท่านบอกทำได้ ก็บิคนละนิด หักนิดเดียวลงไปในบาตรแล้ว อาหารดีอาหารวิเศษแค่ไหนพอลงไปอยู่ในบาตรแล้วมันปนกันละ มันก็แค่อาหาร ไม่ใช่ว่าอันนี้อร่อยอันนี้ไม่อร่อยหรอก

 

บุญอยู่ที่ใจที่เสียสละ

ฉะนั้นเราก็อย่าเสียใจว่า ใส่บาตรแล้วแป๊บเดียวหลวงพ่อก็เทออกแล้ว ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่เวลาท่านรับบาตร บางทีเทตั้งร้อยครั้ง เทเป็นร้อยครั้ง เพราะคนแย่งกันใส่ บางคนอยากได้บุญเยอะ หลวงพ่อเคยเจอ ปีนี้ยังไม่เห็น ปีก่อนๆ เคยเห็น ถือหม้อข้าวมาแล้วใส่ทั้งหม้อเลย จะได้บุญเยอะตามปริมาณอาหาร ไม่ใช่ อันนั้นมันเห็นแก่ตัวแล้ว ไม่เข้าใจบุญ บุญไม่ใช่ตัววัตถุอย่างนี้

ถ้าเราจะใส่บาตรด้วยใจที่ปลาบปลื้มเบิกบานว่าเราได้เลี้ยงดูพระ พระไม่ได้ทำมาหากินเอง เราได้ทำทาน ทำให้พระมีกำลังปฏิบัติธรรมต่อไป สืบศาสนาต่อไป ข้าวช้อนเดียวอานิสงส์มาก แต่ถ้าทำด้วยความโลภมาก อยากได้โน้นอยากได้นี้ ใส่หม้อทั้งหม้อข้าวเต็มหม้อเลย ไม่ใช่หม้อเล็กๆ หม้อเดียวก็เกือบเต็มบาตรแล้ว ฉะนั้นบุญไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก อยู่ที่ใจที่เสียสละ

ฉะนั้นเราพัฒนา ใจที่เสียสละเป็นใจที่ดี อย่างเรามีความกรุณาก็เสียสละได้ง่าย เรามีความเห็นแก่ตัวก็เสียสละยาก ฉะนั้นหัดดูความทุกข์ยากของคนอื่นของสัตว์อื่น หัดดูบ่อยๆ แล้วเราจะรู้เลยว่าสังสารวัฏไม่น่าอยู่ อย่างหลวงพ่อเห็นสัตว์มันดิ้นรน สัตว์เล็กสัตว์น้อย พวกนก พวกหนอน พวกงู อะไรพวกนี้ ในวัดมีเยอะ มันดิ้นรนที่ให้ชีวิตรอดแต่ละวันๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วสัตว์พวกนี้เมื่อไรมันจะพัฒนาขึ้นมาเป็นคนอย่างพวกเราได้ พวกเราก็เคยเป็นสัตว์มาแล้ว มันธรรมดา แล้วบางคนก็เป็นสัตว์นรกมาแล้วด้วยซ้ำไป เป็นเรื่องธรรมดาเวียนว่ายตายเกิดไป กรรมจัดสรรไป ทีนี้เราเห็นสัตว์ โอ้ ลำบากจังเลย เราไปช่วยทุกตัว ช่วยไม่ได้ ตัวไหนมีโอกาสช่วยเราก็ช่วย

ท่านที่อยากช่วยสัตว์ทุกตัวเห็นมีอยู่คนเดียว คือเจ้าแม่กวนอิม สัตว์มันไม่มีประมาณไม่มีที่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นอย่างไรท่านก็ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าสักที ที่บอกท่านจะช่วยสัตว์ทุกตัวเป็นธรรมาธิษฐาน ตัวเจ้าแม่กวนอิมก็เป็นบุคลาธิษฐาน สมมติเป็นบุคคลขึ้นมาเพื่อจะแสดงตัวคุณธรรมความกรุณา ความเมตตากรุณา แล้วที่ว่าจะช่วยสัตว์ทุกตัว ถ้าคิดอย่างนั้นยังไม่เข้าใจธรรมะ สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม ช่วยทุกตัวไม่ได้หรอก ตัวไหนอยู่ในข่ายช่วยได้ก็ช่วย ตัวไหนยังช่วยไม่ได้ก็ปล่อย

อย่างพระพุทธเจ้าความกรุณาของท่านไม่มีที่สิ้นสุดเลย ทั้ง 3 โลกธาตุท่านเมตตาท่านกรุณาเสมอกันหมด ตอนเช้ามืดท่านก็พิจารณาวันนี้จะไปสงเคราะห์ใคร จะไปรับบาตรที่ใคร ท่านไม่ได้คิดจะรับบาตรคนทั้งเมือง ท่านก็แค่ว่าวันนี้จะไปบิณฑบาตกับใคร ให้เขาได้ทำบุญอะไรอย่างนี้ คนนี้เหมาะแล้วที่จะสงเคราะห์ในวันนี้ ฉะนั้นบางทีไปรับบาตรก็แสดงธรรมสักคำสองคำ คนนั้นก็ได้ประโยชน์ ได้มรรคผลในทันทีนั้นก็มี สะสมเอาไว้จะได้มรรคผลในอนาคตก็มี เห็นไหมท่านไม่ได้ช่วยสัตว์ทั้งหมด เพราะท่านเข้าใจความจริง สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม

พวกเรามาวัด เราอย่าเป็นสัตว์ที่สงเคราะห์ไม่ไหว ตั้งใจมีโอกาสทำทาน อย่างวันนี้ได้ทำทานก็ทำ สิ่งที่ทำได้ทุกวันคือรักษาศีล ทำไปได้ทุกวัน สมาธิควรจะฝึกๆ แบ่งเวลาไว้ทุกวันๆ แล้วถ้ามีบุญบารมีพอก็เจริญปัญญา

คนในโลกที่มาเกิดมี 2 กลุ่ม เราอยู่ในสุคติเป็นมนุษย์นี่ล่ะ แต่มนุษย์มี 2 พวก พวกหนึ่งเกิดด้วยเหตุ 2 พวกหนึ่งเกิดด้วยเหตุ 3 พวกที่เกิดด้วยเหตุ 2 คือเกิดด้วยอโลภะ อโทสะ พวกที่เกิดด้วยเหตุ 3 อโลภะ อโทสะ อโมหะ เพราะฉะนั้นบางคนอโมหะมีปัญญา ตัวอโมหะก็คือตัวปัญญา ฉะนั้นคนเราแต่ละคนเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน บางคนภาวนาก็ยังไม่ได้มรรคผล เข้าฌานสมาบัติอะไรก็ไม่ได้ พวกนี้เป็นพวกเกิดด้วยเหตุ 2 ถ้าสะสมมาดี เกิดด้วยอโมหะด้วย พวกนี้ภาวนาก็มีโอกาสได้ฌานสมาบัติ ได้มรรค ได้ผล

ทีนี้ถ้าเราภาวนาแล้วไม่ได้มรรคได้ผล อย่าท้อใจ ตั้งอกตั้งใจฝึกของเราไป วันหนึ่งก็พัฒนาขึ้นมาเป็นผู้มีสติมีปัญญาขึ้นมาได้ อย่างเราเห็นบางคนภาวนาแล้วเอาดีไม่ได้เลย ขยันภาวนาแต่ไม่ได้อะไรเลย ฟุ้งๆๆ ไปเรื่อยๆ อย่าไปหัวเราะเขา หัวเราะเขาแล้วเราบาปด้วย เราจะต้องเข้าใจว่าสัตว์เป็นไปตามกรรม ถ้าเคยสะสมปัญญามา การภาวนาจะราบรื่น จะได้ฌานสมาบัติได้มรรคได้ผลอะไรอย่างนี้ ถ้ายังไม่เคยสะสมปัญญามาก็เริ่มสะสมเสีย จะสะสมปัญญาก็คือหัดมองทุกอย่างตามความเป็นจริงบ้าง อย่างตอนนี้หลายคนมองตามความเป็นจริง มองถาดอาหารแล้ว ความจริงของเรา หัวใจเปรตเข้าสิงแล้ว นี่หัดดูไว้ เมื่อก่อนเวลาจะฉันข้าวมีเคาะระฆังด้วย พอโยมได้ยินเสียงเคาะระฆังน้ำลายไหลเลย หลวงพ่อเลยบอกต่อไปไม่ต้องเคาะแล้ว

 

ศีลรักษาให้เต็มที่ สมาธิต้องทำทุกวัน
เรียนเข้ามาให้ถึงรูปนามกายใจของตัวเอง

ภาวนา พยายามทำเข้า ลดละความชั่ว สร้างสรรค์ความดีให้ตัวเองไว้ มีโอกาสทำทานก็ทำ อย่าทำจนตัวเองลำบากเดือดร้อน ศีลรักษาให้เต็มที่ สมาธิต้องทำทุกวัน แบ่งเวลาไว้ทำในรูปแบบทุกวันๆ ปัญญาก็เรียนรู้ความจริงของโลกของชีวิตไป ถ้าอินทรีย์เรายังอ่อนเราลองมองทั่วๆ ไป สัตว์ที่เป็นทุกข์สัตว์ที่ลำบากเยอะแยะไปหมด เห็นแล้วใจก็เกิดเมตตากรุณาได้ แล้วก็ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ถ้ากำลังของเรามากขึ้น เราก็เรียนเข้ามาให้ถึงรูปนามกายใจของตัวเอง รู้ลงมาที่กาย รู้ลงมาที่ใจ แล้วจะเห็นความจริง

ถึงสุดท้ายเราจะเห็น นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป ถ้าเห็นอย่างนั้นเรียกว่ารู้ทุกข์แจ่มแจ้ง รู้ทุกข์แจ่มแจ้งก็ละตัณหาได้ทันที นิโรธคือนิพพานก็ปรากฏขึ้นทันที อริยมรรคก็เกิดขึ้นในทันทีนั้น ฉะนั้นเราสะสมของเรา เดี๋ยววันหนึ่งเราก็ดี วันนี้ยังเลวอยู่ก็ลดละเสีย

บางคนไม่ค่อยสำนึก บางคนเป็นหนี้เป็นสิน เอาเงินคนอื่นมาใช้ก่อน แล้วก็ไม่ขวนขวายว่าจะใช้คืนอย่างไร แต่ว่าใช้ชีวิตแบบหลงโลกไปเลย หาความสุขไปวันๆ เพลินๆ กินหรูอยู่สบายอะไรอย่างนี้ อันนี้ยังเห็นแก่ตัวมากไป ฉะนั้นต้องพยายามเจียมเนื้อเจียมตัวบ้าง กินหรูอยู่สบาย คนที่เรายืมเงินเขาไป กินลำบากอยู่ลำบากอะไรอย่างนี้ มี ทุกวันนี้มันโกงกันแหลกลาญเพราะเห็นแก่ตัวทั้งนั้น พวกนี้กินก็กินได้ชาตินี้ มันไม่เห็น มันไม่รู้ นรกสวรรค์มีจริง เด็กรุ่นใหม่ก็ไม่เชื่อ ไม่เชื่อก็ช่างมัน สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ไม่ต้องไปแก้มันหรอก ถ้ามันยังไม่เชื่อก็ช่างมัน แล้วเราภาวนาเราจะรู้ เราทำชั่วเมื่อไรจิตเราเศร้าหมองทันทีเลย จิตเศร้าหมองไม่ต้องรอตาย เราตกนรกเดี๋ยวนี้เลย

ฉะนั้นอย่างเราจะเชื่อกฎแห่งกรรม เราภาวนาของเราเรื่อยๆ ไม่ต้องมีหูทิพย์ตาทิพย์หรอก วันไหนจิตเราเป็นกุศล จิตเรามีบุญ จิตใจเราสุข มีความสุข มีความสงบ วันไหนเราไปทำตามใจกิเลสเข้า จิตเราเศร้าหมอง นี่กฎแห่งกรรม นรกสวรรค์อะไรก็อยู่ในกฎแห่งกรรมนี้ทั้งหมดล่ะ ฉะนั้นเราจะไม่สงสัยว่ากฎแห่งกรรมมีจริงไหมถ้าเราภาวนา เวลาเราทำดีจิตใจเราผ่องแผ้วเบิกบาน เราทำชั่วจิตเราเศร้าหมอง

ตั้งใจนะ ตั้งใจไว้ ความชั่วอะไรสำรวจตัวเอง ความชั่วอะไรยังไม่ละก็ละเสีย กุศลอะไรยังไม่เจริญก็เจริญเสีย ศีลเราดีหรือยัง ด่างพร้อยก็ทำให้ดี สมาธิที่ถูกต้องฝึกหรือยัง ยังไม่ฝึกก็ฝึกเสีย เจริญปัญญาเห็นความจริงของรูปนามกายใจ ทำได้หรือยัง ถ้ายังตรงนี้ยังไม่เห็น ก็พิจารณาโลกข้างนอกเลยก็ได้ พิจารณาใช้ความคิดพิจารณาลงไป ทุกหนทุกแห่งมีแต่ทุกข์ ถ้าเราเห็นคนอื่นมีแต่ทุกข์ได้ ย้อนมาดูตัวเองก็มีแต่ทุกข์เหมือนกันล่ะ

แต่ถ้ากำลังสมาธิปัญญาของเราแก่กล้า ไม่ต้องไปเรียนข้างนอก น้อมเข้ามาภายใน โอปนยิโก น้อมเข้ามาที่ตัวเองนี่ มาเรียนรู้กายรู้ใจ ก็จะเข้าใจธรรมะขึ้นมา ฉะนั้นความชั่วต้องละ บาปอกุศลทั้งหลายต้องละ กุศลทั้งหลาย ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องเจริญ แล้วจิตของเราก็จะผ่องแผ้ว บางคนเพลินกับโลกมากไปหน่อย หลวงพ่อก็กระทุ้งแรงๆ บอกทำแบบนี้ไม่มีวันบรรลุมรรคผลหรอก พอได้ยินแล้วใจฝ่อเลย นึกว่าทำอย่างนี้ดีแล้ว มันดีแต่มันยังดีไม่พอ แล้วทำอย่างไรมันจะดีกว่านี้

ไปอ่านธรรมะเรื่องวิเวก 3 ข้อ ความสงัด 3 ข้อ ถ้าเข้าใจเรื่องความสงัด จะรู้เลยว่าตรงไหนเราควรจะเพิ่ม ตรงไหนควรจะลด กายวิเวก จิตตวิเวก อุปธิวิเวก เรียกวิเวก 3 ไปหาอ่านเอา ถมเถไป ใครก็อ่านได้ แต่ใครจะทำได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องอดทน ถ้าเราผ่านตัวนี้ได้ โอกาสได้มรรคได้ผลไม่ไกลเกินเอื้อมละ แต่ถ้าวันๆ ยุ่งอยู่กับโลกเต็มที่ตลอดเวลา ห่วงคนโน้นห่วงคนนี้ห่วงไปหมด เราถูกมนุษย์จับไว้ ถูกอมนุษย์จับไว้ ฉะนั้นหัดวิเวกไว้บ้าง

ถ้าทำตัวนี้ได้ โอกาสที่เราจะได้มรรคผลในชีวิตนี้ก็เป็นไปได้แล้ว ถ้าไม่ผ่านตัวนี้ ไม่ได้ ธรรมะพื้นฐานเลย มรรคน้อย สันโดษ ฝักใฝ่ในความสงัดคือความวิเวก ไม่คลุกคลี ปรารภความเพียร พัฒนาศีล สมาธิ ปัญญา แล้ววิมุตติจะเกิดขึ้น วิมุตติญานทัสสนะจะเกิดขึ้น เป็นเส้นทางที่จำเป็นต้องเรียนรู้ แล้วต้องเดินไปให้ได้ วันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้ ใครอิ่มบุญก็ไม่ต้องกินข้าวก็ไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าลืมหมูเด้ง มันเพื่อนบ้านหลวงพ่อ มันอยู่ตรงนี้เอง

 

หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
18 ตุลาคม 2567