สัมมาสติ กับสัมมาสมาธิ: เครื่องมือในการเจริญปัญญา

(๑)
เครื่องมือในการเจริญปัญญา มีตัวหลัก ๒ ตัว
คือ สัมมาสติ กับสัมมาสมาธิ
สัมมาสมาธิ คือ สภาวะที่จิตตั้งมั่น
อยู่กับเนื้อกับตัว โดยที่เราไม่เจตนาบังคับ
สัมมาสติ คือ การที่เรามีสติคอยรู้
ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ของร่างกายของจิตใจ
รู้กายก็ได้ รู้ใจก็ได้

อย่างร่างกายเราจะขยับ สติเป็นตัวรู้ทัน
ว่าร่างกายขยับ ใจตั้งมั่นเป็นคนดู
ร่างกายกับจิตใจแยกออกจากกัน แยกส่วนกัน
การเจริญปัญญา จะเริ่มต้นจากการแยกรูป แยกนาม
รูปเคลื่อนไหว นามคือใจเป็นคนรู้ จะแยกกันอยู่
ทำไมใจตั้งมั่นเป็นคนรู้ได้
เพราะใจมีสัมมาสมาธิหล่อเลี้ยงอยู่
ถ้าใจไม่มีสมาธิหล่อเลี้ยง ใจจะไม่ตั้งมั่นเป็นคนรู้
ใจจะไหลตามรูปไป

อย่างเราขยับอย่างนี้ ใจก็ไหลไปอยู่ที่มือไปด้วย
หรือเหมือนอย่างเราดูท้องพองยุบ ใจก็ชอบไหลไปที่ท้อง
รู้ลมหายใจ ใจก็ชอบไหลไปอยู่ที่ลม

รูปเคลื่อนไหว ใจเป็นคนรู้ ไม่ใช่เรื่องยาก
สติ รู้ความเคลื่อนไหวของรูป
หรือสติรู้ความเคลื่อนไหวของจิตใจ
สติรู้ความเคลื่อนไหวของความรู้สึก
สุข ทุกข์ ดี ชั่ว ทั้งหลาย
สติเป็นคนรู้ เรียกว่า สติปัฏฐาน

สติปัฏฐานต่างกับสติธรรมดา
สติปัฏฐานนี้เป็นสติรู้รูป รู้นาม รู้กาย รู้ใจ
สติธรรมดา คือ ขับรถไม่ตกถนนก็บอกมีสติแล้ว
ดื่มสุราทำให้ขาดสติอะไรอย่างนี้
แต่ติดป้ายอยู่ข้างขวดสุรา
แล้วจะต่อด้วยเชิญมากินสุรา ก็คือชวนให้ขาดสติ
ชวนคนอื่นขาดสติ บาปมากนะ ตกนรก

เรามีสติ รู้ทันความเคลื่อนไหวของกายของใจ
เรียกว่า มีสัมมาสติ
สัมมาสติก็คือสติปัฏฐาน ไม่ใช่สติธรรมดา

พระพุทธเจ้าอธิบายสัมมาสติด้วยสติปัฏฐาน
แล้วก็มีสมาธิ คือมีใจตั้งมั่น
โดยที่เราไม่ได้บังคับไว้
มันจะแยก มันจะเห็น
ว่าสิ่งที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง
อย่างร่างกายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เป็นของถูกรู้ถูกดู
จิตเป็นคนรู้คนดู
ความสุข ความทุกข์ ที่เกิดขึ้น
เป็นของเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เป็นของถูกรู้ถูกดู
จิตเป็นผู้รู้ผู้ดู มันจะค่อยๆ แยกไปอย่างนี้
ถ้าจิตตั้งมั่นแล้วไปรู้อะไร สิ่งนั้นจะแยกออกไป
ไม่เป็นตัวเป็นตนของเราแล้ว

(๒)
หายใจ ร่างกายหายใจอยุ่แล้ว รู้สึกไหม
ไม่ต้องจงใจหายใจ ร่างกายหายใจอยู่แล้ว
แค่มีสติ รู้ว่าร่างกายหายใจออก
มีสติ รู้ว่าร่างกายหายใจเข้า
ต่อไปพอร่างกายหายใจ
หรือร่างกายขยับนิดเดียว
สติจะเกิดเอง เพราะสติเกิดจากจิตจำสภาวะแม่น
ทีนี้จิตมันจำได้ ว่าร่างกายเคลื่อนไหว
ร่างกายหายใจก็คือร่างกายเคลื่อนไหวนั่นเอง
เคลื่อนไหวด้วยการหายใจ
จิตจำการเคลื่อนไหวของกายได้
พอร่างกายเคลื่อนไหว สติจะเกิดเอง
หรือเราหัดพุทโธๆ แล้วจิตเคลื่อน
สติจำการเคลื่อนได้ อันนี้จำนามธรรมได้
พอจิตเคลื่อนเมื่อไร สติจะเกิดเอง

พอเกิดแล้ว ต่อไปเราจะเกิดปัญญา
เรามีจิตตั้งมั่นเป็นคนดู เป็นกลาง
ไม่เข้าไปแทรกแซงสภาวะทั้งหลาย
ถ้ามันไม่เป็นกลางขึ้นมา ให้รู้ว่าไม่เป็นกลาง
ความไม่เป็นกลางจะดับ
แล้วกลายเป็นจิตที่เป็นกลางขึ้นมาเอง

เรามีจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง คือมีสัมมาสมาธิ
มีสติระลึกรู้ ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของกายของใจ
คือมีสัมมาสติ หรือมีสติปัฏฐาน
เมื่อเรามี ๒ สิ่งนี้ คือ สัมมาสมาธิ กับสัมมาสติ
ปัญญาจะเกิดขึ้น
มันจะเริ่มเห็นความจริง ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา

พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

วัดสวนสันติธรรม

๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ (ช่วงเช้า)

ไฟล์ 610805A ซีดีแผ่นที่ ๗๗