เราเดินบนเส้นทางที่เราเดินได้

บางคนชอบสมาธินำปัญญา ก็เรียนวิธีปฏิบัติแบบสมาธินำปัญญาไป บางคนชอบเจริญปัญญาในฌาน ก็ทำสมาธิกับปัญญาควบกัน ส่วนพวกปัญญานำสมาธิ ทำสมาธิเบื้องต้นระดับขณิกสมาธิ ใช้กำลังของขณิกสมาธิ มาเรียนรู้รูปนาม

หลวงพ่อดูพวกเรา คนรุ่นนี้ ให้ไปนั่งเข้าฌานมันเข้าไม่ไหว อย่าว่าแต่โยมเลย พระที่เข้าฌานได้ก็เหลือน้อยเต็มที ไม่ค่อยมีหรอก ส่วนมากก็นั่งสมาธิ ก็เคลิ้มง่อกแง่กๆ ไป ไม่ก็นั่งเพ่งจนเคร่งเครียดไป คนรุ่นหลังทำสมาธิไม่ค่อยเป็น เวลาจะทำสมาธิ มันกลายเป็นมิจฉาสมาธิเสียหมดเลย มันมีหลายเส้นทาง แต่เส้นทางที่เราควรเดิน ก็คือเส้นทางที่เราเดินได้ เส้นทางที่เราเดินได้ ก็คือเส้นทางของปัญญานำสมาธิ คนรุ่นนี้เป็นพวกปัญญาชนเยอะ คนใช้ปัญญา แต่การเดินด้วยปัญญา ต้องมีขณิกสมาธิเสียก่อน สมาธิที่เป็นขณะๆ นั่นล่ะ พอมีสมาธิทีละขณะถี่ๆ ขึ้นมา จิตก็มีกำลัง รู้ตื่นเบิกบานขึ้นมา

ทางใครทางมัน

เราเจริญปัญญา สติระลึกรู้กายบ่อยๆ ก็ใช้กายานุปัสสนาเป็นหลัก สติชอบระลึกรู้เวทนาเป็นหลัก เราก็ใช้เวทนานุปัสสนาเป็นหลัก สติชอบระลึกรู้จิตที่เป็นกุศล อกุศล เราก็ใช้จิตตานุปัสสนาเป็นหลัก
เฝ้ารู้เฝ้าดูไป ทางใครทางมัน ไม่มีทางไหนวิเศษกว่าทางไหนทั้งสิ้นหรอก ถ้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วจะรู้เลย มันมาได้ทุกทาง เพราะทุกทางนั้นพระพุทธเจ้าสอนทั้งนั้น ไม่ใช่มีทางเดียว ต้องอย่างนี้แล้วต้องไปอย่างนี้ หลักสูตรตายตัวไม่มีหรอก