ธรรมะจากเทศน์มหาชาติ พระเวสสันดรชาดก

พระเวสสันดรเมื่อก่อนเป็นเรื่องสำคัญ เป็นงานบุญประจำปี ทางอีสานเรียกบุญผะเหวด มีทุกภาค ภาคกลางส่วนมากทำเดือน ๑๒ เวลาฟังเรื่องพระเวสสันดร ก็ได้ประโยชน์ตามสติปัญญา เป็นบุญที่ทำยาก เพราะว่าเป็นกิจกรรมที่ทำยาก เป็นงานใหญ่ ฟังเทศน์ติดต่อกัน ๑๓ กัณฑ์ในวันเดียว ต้องใช้ความอดทนสูงในการฟัง อะไรที่ต้องตั้งเจตนาแรง ถ้าเป็นการทำความดี มันก็เป็นบุญที่แรง ถ้าเจตนาทำบุญแรง อานิสงส์ก็แรง

ส่วนมาก เชื่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่า ถ้าฟังมหาชาติ ๑๓ กัณฑ์ในวันเดียว ต่อไปจะได้เจอพระศรีอาริย์ มันก็เป็นอุบายที่ดี ปลูกฝังให้คนมั่นคงอยู่ในพระพุทธศาสนา อย่างถ้าเรามาทำบุญที่ทำได้ยาก ทำคนเดียวนี่ทำไม่ไหว แล้วเราตั้งความปรารถนาว่าจะได้เจอพระศรีอาริย์ ใจมันจะไม่เถลไถลออกไปนอกพระพุทธศาสนาง่าย ๆ คล้าย ๆ มันโปรแกรมจิตไว้แล้ว จะมุ่งไปหาพระศรีอาริยเมตไตรย อันนี้สำหรับพวกอินทรีย์อ่อน พอมีเจตนาแรงกล้า ทำกรรมที่มีผลแรง ความปรารถนาก็มีโอกาสสำเร็จ แต่ถ้าคนมีสติปัญญามาก ฟังพระเวสสันดร เราจะรู้ มีธรรมะที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ข้างใน

เทศน์มหาชาติ YouTube dhamma.com

วิดีโอ YouTube

คลิกที่ภาพหรือลิงค์ด้านบน เพื่อชมบันทึกวิดีโอ ภาพและเสียงเทศน์มหาชาติ พระเวสสันดรชาดก ณ วัดสวนสันติธรรม คลิกที่นี่เพื่อดูวิดีโอ

Soundcloud เทศน์มหาชาติ

ไฟล์เสียง SoundCloud

ฟังเฉพาะเสียงเทศน์ (ไม่มีวิดีโอ) อัลบัมเทศน์มหาชาติ พระเวสสันดรชาดก วัดสวนสันติธรรม บน Soundcloud คลิกที่นี่เพื่อฟัง

อัลบัมเทศน์มหาชาติ

อัลบัมหน้าเว็บ

ฟังและ download ไฟล์เสียง เทศน์มหาชาติ พระเวสสันดรชาดก ณ วัดสวนสันติธรรม คลิกที่นี่เพื่อฟัง

 

พระเวสสันดรทำทานเป็นหลัก บารมีอื่นอีก ๙ ข้อ ทำทั้งหมดทุกข้อ

อย่างพระเวสสันดรตั้งใจมั่น นี่อธิษฐานบารมี ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสัมมาสัมโพธิญาณ ไม่ใช่แค่วิสุทธิแบบสาวก สาวกมุ่งไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้นเท่านั้น แต่พระโพธิสัตว์มุ่งสัมมาสัมโพธิญาณ สูงกว่าวิสุทธิธรรมดา มุ่งไปสอนไปช่วยคนอื่น

ท่านจะบริจาคทรัพย์สิน ท่านก็บอกว่าเป็นไปเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้า
บริจาคช้าง บริจาครถ ก็เพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้า

เห็นไหม มีความตั้งใจแน่วแน่ ส่วนของเรา ขอให้รวย ขอให้สวย ขอให้สำเร็จ ล้วนแต่สนองกิเลสทั้งหมด ในขณะที่พระเวสสันดรมุ่งจะไปช่วยคนอื่น อยากได้ธรรมะ ไปช่วยให้คนให้สัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์ มันคนละชั้นกัน

ทำไมการทำทานของท่านเป็นเรื่องใหญ่

ทานที่สำคัญนั้นมี ๕ ระดับ

๑. อันแรก บริจาคทรัพย์สิน อันนี้ของนอกตัวเอง พวกเราก็ทำได้ ทำได้พอสมควร ทำได้ไม่มาก ก็มีไม่มาก

๒. บริจาคอวัยวะร่างกาย อย่างเราบริจาคเลือด บริจาคตับไตไส้พุง อันนี้เป็นการทำทานที่สูงขึ้นมา

๓. ต่อไปบริจาค สละชีวิต เสียสละชีวิตเพื่อคนอื่น เพื่อสัตว์อื่นได้ นี่เป็นทานที่สูงขึ้นไปอีก

๔. ถัดไป บริจาคลูก ไหวไหมบริจาคลูก บางคนก็มีบริจาค มีลูกขึ้นมาก็ทำแท้งแล้ว อย่างนั้นไม่เรียกว่าบริจาค เพราะไม่ได้อยากได้ แต่ถ้าเรามีความรักลูกอย่างเหนียวแน่น แล้วต้องบริจาคลูก เป็นเรื่องยากมาก รักลูก บางทีรักยิ่งกว่าตัวเอง สังเกตไหมท่านจัดลำดับไว้ บริจาคชีวิตตัวเองยังง่ายกว่าบริจาคลูกอีก

๕. แล้วก็บริจาคเมียให้ผู้ชายอื่นไป คนยุคนี้ก็ประณาม ว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน มันคนละยุคกัน

ธรรมะที่ซ่อนอยู่นั้นลึกซึ้งมาก

ที่จริง พระเวสสันดรจะมีหรือเปล่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ธรรมะที่ซ่อนอยู่นั้นลึกซึ้งมาก ถ้าเราอยากถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน กระทั่งจะเป็นสาวก เป็นพระอรหันต์ธรรมดา มันต้องกล้าสละชีวิตเพื่อธรรมะ สละทุกสิ่งที่ตัวเองผูกพัน ผูกพันในทรัพย์สมบัติ ในร่างกาย ในชีวิต ในลูกในเมีย ใจต้องกล้าที่จะสละได้ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องผูกมัดไว้กับโลก

คนโบราณสอนว่า มีลูกก็เหมือนมีห่วงผูกคอ มีเมีย มีสามีเหมือนมีปอผูกศอก ผูกมัดไว้ มีทรัพย์สมบัติเหมือนมีปลอกผูกขา ไปไหนไม่รอด เวลาห่วงสมบัติ ไปไหนไม่ได้ ต้องเฝ้าไว้ มีลูกเหมือนถูกรัดคอไว้ จะกินอะไรก็ไม่สะดวก ถ้าคิดถึงลูก ลูกยังไม่ได้กิน ก็กินไม่ลง มีเมียหรือมีสามี เราเสียอิสรภาพรู้สึกไหม ว่าเราเสียอิสรภาพบางส่วนไป เราทำอะไรไม่ได้ตามใจชอบอย่างแต่ก่อน ผู้หญิงก็เหมือนกัน มีสามีก็เสียอิสรภาพไปบางส่วน สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องผูกมัดเราไว้กับโลก

ถ้าเราอยากพ้นโลก เข้าถึงวิสุทธิความบริสุทธิ์ หรือสัมมาสัมโพธิ ปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ต้องออกจากโลกให้ได้ ต้องสละให้ได้

พระเวสสันดรนั้นสละให้ดูเป็นตัวอย่าง ในเวลาที่จะข้ามภพข้ามชาติมันสละจริง ๆ อย่างต่ำสละชีวิต อย่างถ้าเราเป็นพระ เราสละลูกสละเมียออกบวชแล้ว ออกจากครอบครัวไปฉายเดี่ยวแล้ว ไปตายที่ไหนไม่สำคัญแล้ว จะมุ่งไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้น วางลูกวางเมียไปแล้ว เหลือตัวเอง เหลือร่างกายติดตัวอยู่ เวลาภาวนาในขั้นแตกหัก มันผ่านด่านที่สำคัญ คือ ด่านของความตาย ครูบาอาจารย์พูดเหมือนกันทุกองค์ ว่านิพพานอยู่ฟากตาย รอดตายมาถึงเจอนิพพาน

กระบวนท่าสุดท้าย ในการจะข้ามภพข้ามชาติ

จิตซึ่งบุญบารมีไม่พอ มันจะรักตัวกลัวตาย และมันจะถอย นั่งอยู่อย่างนี้ ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวตาย ลุกขึ้นดีกว่า ลุกขึ้นเดิน หรือว่านั่งดูจิตใจอยู่นี่ ถ้านั่งต่อไปนี่จิตจะระเบิด จิตระเบิดแล้วตายแน่นอน มันรู้สึกอย่างนั้นเลย ก็ยอมสละธรรมะเพื่อรักษาชีวิต ลุกขึ้นไม่เอาแล้ว ถ้าบารมีแก่กล้า เวลาจะแตกหัก มีความรู้สึกเหมือนร่างกายจะแตก ระเบิด จิตใจมันจะระเบิด ยอมสละ ตายก็ตาย ขอดูหน่อยว่าระเบิดแล้วจะเป็นยังไง เฝ้าดูไปอย่างนั้น

ในที่สุดมันก็ระเบิดจริง ๆ สลัดเปรี้ยงออกไป สลัดเอาขันธ์ ๕ ออกไป โดยเฉพาะตัวจิตผู้รู้ จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ดู มันถูกสลัดทิ้งไป จะผ่านด่านนี้ได้ ใจต้องแข็งจริง 

อย่างที่พระเวสสันดรบอกเป็นชาติสุดท้าย จริง ๆ เป็นชาติสุดท้ายที่เป็นมนุษย์ ถัดจากนั้นก็ไปเป็นเทวดาอยู่ชั้นดุสิต แล้วก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งแล้วก็ตรัสรู้ จะเรียกว่าชาติสุดท้ายก็พูดได้เหมือนกัน เพราะกระบวนท่าสุดท้าย ในการจะข้ามภพข้ามชาติ ก็คือยอมตาย ยอมสละทุกสิ่งทุกอย่าง ยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างได้ จิตก็จะข้ามฝั่งไปถึงพระนิพพานได้

ในเรื่องพระเวสสันดร ให้ธรรมะตั้งแต่เบสิค

สอนให้เรารู้จักเสียสละโดยมีเป้าหมาย เป้าหมายของเรา คือไปพบพระเมตไตรย เป็นเป้าหมายที่ไม่เลว เป็นเป้าหมายที่ดี สำหรับคนที่คิดว่า ตัวเองยังอยากเกิด อยากตายในสังสารวัฏนี้อีกนาน ๆ ขอให้มีความสุข

คนที่ปรารถนาจะถึงพระนิพพานในชีวิตนี้มีไม่มากหรอก ส่วนใหญ่ขอชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น ต้องการอย่างนี้ เพราะฉะนั้น พระเวสสันดรก็ตอบสนอง ทำบุญ ทำทาน ทำอะไรไป แล้วชีวิตจะได้ดีขึ้น แล้วก็โปรแกรมจิตใจตัวเองไว้ ให้อยู่ในศาสนาพุทธ เพราะตั้งเป้าหมายให้จิตต้องไปเจอพระศรีอาริย์ พระศรีอาริย์ไม่ไปเกิดศาสนาอื่นหรอก ต้องอยู่ในศาสนาพุทธ

เห็นไหมว่า มันมีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในเรื่องพระเวสสันดรเยอะแยะเลย ตั้งแต่ขั้นต้น รักษาพวกที่อินทรย์อ่อนไว้ให้อยู่ในพระพุทธศาสนา ฝึกให้รู้จักเสียสละทรัพย์สิน รู้จักเสียสละร่างกาย ทำสิ่งที่ทำลำบาก เหนื่อย ต่อไปก็จะค่อย ๆ เข้มแข็งขึ้น ผ่านงานพระเวสสันดรได้ ใจเราจะแข็งแรงขึ้น ทำสิ่งที่ลำบากเพื่อความดีได้แล้ว ต่อไปการที่จะนั่งภาวนาเป็นชั่วโมง ๆ ไม่ใช่เรื่องยาก มันเคยทำอะไรที่ทำยากมาแล้ว ฟังเทศน์มหาชาติให้ได้ในวันเดียว

ผ่านความลำบากแล้ว การภาวนามันก็เข้มแข็งขึ้น

เวลาเราผ่านอะไรที่ลำบากมาแล้ว ต่อไปการทำสิ่งที่ลำบากมากขึ้น มันก็ทำได้ มันเป็นการฝึกตัวเอง เราฟังเทศน์หามรุ่งหามค่ำมาแล้ว ต่อไปภาวนาหามรุ่งหามค่ำ แทนที่จะต้องฟังคนอื่นเทศน์ มาฟังจิตนี้เทศน์ เดี๋ยวก็เทศน์เรื่องกุศล เดี๋ยวก็เทศน์เรื่องอกุศล เดี๋ยวก็เทศน์เรื่องสุขเรื่องทุกข์ เรื่องดีทั้งชั่วทั้งหลาย หรือมาดูร่างกายสอนธรรมะเรา นั่งสมาธิอยู่ เดี๋ยวก็ปวด เดี๋ยวก็เมื่อย เดี๋ยวก็เจ็บนั่นเจ็บนี่ เดี๋ยวก็คัน

อดทน เรียนรู้มันไป ร่างกายนี้มีแต่ทุกข์ จิตใจมีแต่ความไม่เที่ยง เราเคยผ่านความลำบากแล้ว การภาวนามันก็เข้มแข็งขึ้น เพราะฉะนั้น พวกเราที่ฟังพระเวสสันดรมา ก็ให้ฉลาดหน่อย มีกำลังที่จะทำพระนิพพานให้แจ้ง ก็ทำเร็ว ๆ ไม่ต้องรอช้า กำลังไม่พอ มีใจตั้งมั่น มุ่งมั่นจะอยู่ในพระพุทธศาสนานี่ ไม่ยอมไปที่อื่น แล้วก็ฝึกตัวเอง เรียนรู้กาย เรียนรู้ใจ ถึงจะยากลำบากก็ต้องอดทน

อดทนเป็นธรรมะสำคัญ ดีกว่าฉลาดอีก ฉลาดแต่ไม่อดทนไม่ได้กินหรอก มันต้องอดทนจริง ๆ สุดท้ายต้องอดทนต่อความตาย กล้าตาย ถึงจะได้ธรรมะขั้นสุดท้ายได้ เพราะนิพพานอยู่ฟากตาย เรื่องจริงไม่ใช่เรื่องหลอก อดทน การภาวนา ไม่ทนไม่สำเร็จหรอก

พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ไฟล์ 611223A ซีดีแผ่นที่ ๗๙