เตรียมตัวตายอย่างคนมีปัญญา

มางานศพทั้งที คนตายเขาได้แสดงธรรมะให้เราดู ว่าเกิดแล้วตายแน่นอน พวกเรายังไม่ทันจะตาย เรามาฟังธรรมะเพื่อเตรียมตัวตายอย่างมีศักดิ์ศรี เตรียมตัวตายอย่างคนมีปัญญา แบบลูกศิษย์มีครู ไม่ใช่ตายแบบอนาถา ตายแล้วก็ต้องมาวิ่งตะกาย ขอให้คนแผ่ส่วนบุญให้ หวังพึ่งอะไรอย่างนั้น พวกผีพวกเปรต อายุมันยืนกว่าคน สมมุติว่าเราไปเป็นเปรต ลูกหลานเราทำบุญให้เรา เหลนเราตายแล้ว เรายังไม่ตายเลย ไม่มีใครทำบุญให้แล้ว ต่อไปก็เป็นผีไร้ญาติจนได้ พูดง่ายๆ อายุยืนกว่ามนุษย์ เพราะฉะนั้นทำไว้ด้วยตัวเองปลอดภัยที่สุด

รู้ทันสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความคิด

เริ่มตั้งแต่คอยรู้เท่าทันความคิดของตัวเอง อะไรอยู่เบื้องหลังความคิด ถ้าเรารู้ตรงนี้ได้ ความคิดของเราก็จะสะอาด คำพูดของเราก็จะสะอาด การกระทำของเราก็จะสะอาด การเลี้ยงชีวิตทำมาหากินก็จะสะอาด ไม่ฉ้อฉลหลอกลวง เบียดเบียนใคร แล้วก็อกุศลที่เคยมีมันก็จะค่อยๆ ลดลง อกุศลใหม่ก็จะไม่เกิด กุศลที่ไม่เคยมีก็จะเกิดขึ้น กุศลที่มีแล้วก็จะเจริญขึ้น เพราะฉะนั้นตรงที่เรามีสติรู้เท่าทันสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความคิดของตัวเอง หลวงพ่อมอง มันแทบจะเป็นจุดตั้งต้นของการปฏิบัติจริงๆ การปฏิบัติไม่ใช่นั่งสมาธิเดินจงกรมเฉยๆ มันตั้งแต่ว่าขัดเกลาตัวเองด้วยศีล หรือดูแลคำพูด การกระทำ การเลี้ยงชีวิตของตัวเองให้ดี ไม่ทำไปด้วยอำนาจของกิเลส แล้วก็ถัดจากนั้นตัวสมาธิมันก็จะเกิดขึ้น คือจิตใจเราเป็นปกติ ไม่ถูกกิเลสผลักดันให้วิ่งพล่านๆ เหมือนหมาถูกน้ำร้อน พอจิตใจเราเป็นปกติ จิตใจมันก็สงบ เพราะฉะนั้นศีลไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าศีลของเราเสีย อย่ามาคุยเรื่องสมาธิ ถ้าไม่มีสมาธิที่ถูกต้อง อย่ามาพูดเรื่องเจริญปัญญา ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นจุดสำคัญบอกแล้วว่าศีลเราจะดี ถ้าเราคอยรู้เท่าทันสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความคิดของเรา