เป็นพวกโทสจริตแต่ต้องมาขายของ ทั้งวันจิตอยู่แต่ในกลุ่มโทสะ จิตไม่ชอบ ไม่เป็นกลางแต่ก็อดทน

ขายของก็อ่านใจไปเรื่อยๆ เมื่อก่อนที่สุรินทร์ มีแม่ค้าขายผัก อายุก็เยอะเหมือนกัน กลางคนท่อนปลายแล้ว ใกล้จะแก่แล้ว ชื่อยาย สะเกียว ขายผัก ขายดี พอใจ รู้ว่าพอใจ เจอลูกค้าจู้จี้เลือกแล้วเลือกอีก ผักเราจะช้ำ ไม่พอใจ รู้ว่าไม่พอใจอย่างนี้ เขาก็ภาวนาของเขาได้ ขายไม่ออก กลุ้มใจ รู้ว่ากลุ้มใจ

อย่างเราขายของ แล้วขายไม่ออก แล้วเรากลุ้มใจ เรากลุ้มฟรี เพราะความกลุ้มใจไม่ได้ทำให้เราขายออก ยิ้มไว้ ยิ้มหวานๆ ไว้ดีกว่ามีนางกวักอีก บางคนหานางกวักหาแมวกวัก แต่หน้าเป็นมะเหงก ไม่มีใครเขาซื้อหรอก หัดยิ้มไว้ ยิ้มหวาน มองลูกค้า มองด้วยความรู้สึกเป็นมิตรๆ ฝึก นี่ล่ะคือการเจริญเมตตา ถ้าใจเรารู้สึกเป็นมิตร ใครเดินผ่านเรา มันจะรู้สึกสบายใจ เดี๋ยวเขาก็มาซื้อของเองล่ะ ไม่ต้องไปไหว้เทวดาที่ไหนเลย ทำใจของเราให้เป็นมิตรกับคนอื่น กับลูกค้ากับอะไร มันจะดึงดูดคนเข้ามาหา

เมื่อก่อนหลวงพ่อเคยได้ยินครูบาอาจารย์ท่านเล่า บอกพระอรหันต์หรือครูบาอาจารย์ชั้นสูง แต่ละองค์มีวิหารธรรมไม่เหมือนกัน แล้วผลที่เกิดขึ้นก็ไม่เหมือนกัน อย่างหลวงปู่ดูลย์ วิหารธรรมของท่านคือมหาสุญญตา ท่านอยู่กับว่าง พวกที่ปัญญากล้าจะเข้าไปหาท่าน คนทั่วๆ ไปก็รู้สึกท่านภาวนาไม่เป็น

ครูบาอาจารย์บางองค์อย่างหลวงปู่ขาว หลวงปู่เทสก์ วิหารธรรมของท่าน คืออัปปมัญญา เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาไม่มีประมาณ เรียกว่าอัปปมัญญา ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาที่ไม่มีประมาณ ไม่ได้มีขอบเขต ไม่ได้เจาะจงเฉพาะบุคคล มันดึงดูดคนอยากหาท่านเยอะเลย เข้าไปหามากมาย เข้าไปใกล้แล้วมีความสุข คนก็อยากเข้าไป ถ้าใจเรามีความเมตตาอยู่ คนเข้าใกล้แล้วมีความสุข เขาก็อยากมาหา อยากมาซื้อของ ไม่กลุ้มหรอกคราวนี้ บางคนหลวงพ่อแนะนำอย่างนี้แล้วไปทำ ทำสำเร็จจริงๆ สำเร็จจนกลุ้มใจเลย มาบอกหลวงพ่อว่าเหนื่อยเหลือเกิน ลูกค้าเยอะเกินไป แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้ไปแนะนำให้เจริญโทสะ เจริญโทสะเดี๋ยวลูกค้าก็หนีไปหมดอีก เจริญเมตตาไป

ฝึกจิตตั้งมั่นได้อัตโนมัติขึ้นแต่ยังไม่แข็งแรง ยังเจริญปัญญาไม่ได้อัตโนมัติ

คำถาม: รักษาศีล ภาวนาในรูปแบบ อยู่กับวิหารธรรมบ่อยๆ ฝึก …

Read more

เพ่งโทษและติดบังคับ พอรู้ตัวว่าหลง จิตจะไปล็อค แน่นหน้าอกขึ้นมาทันที ติดบังคับ

คำถาม: หลงคิดว่าตัวเองเก่งและดี พอมีผัสสะมากระทบ จะมีโท …

Read more

ที่ผ่านมา ไม่สามารถนั่งทีละนานๆ ได้เหมือนก่อน ถ้าไม่นั่งสมาธิ ใจจะมีสมาธิเป็นธรรมชาติมากกว่านั่งในรูปแบบ ควรฝืนนั่งสมาธิต่อไปหรือไม่

คำถาม: อยู่ไกลทำให้การปฏิบัติธรรมเป็นที่พึ่งทางใจ เกาะเ …

Read more

ร่างกายเคลื่อนไหว รู้สึก จับหลักตัวนี้ให้ดี

คำถาม: ภาวนาในรูปเเบบ โดยการเดินจงกรมและยกมือสร้างจังหว …

Read more

วิธีฝึกสติคือการหัดรู้สภาวะ

สติเองก็เป็นอนัตตา สั่งให้เกิดไม่ได้ สติมีการที่จิตเราจำสภาวะได้แม่นเป็นเหตุใกล้ให้เกิด ฉะนั้นเราจะต้องมาหัดรู้สภาวะ สภาวะมีรูปธรรมมีนามธรรม สภาวะก็คือสิ่งที่ประกอบกันขึ้น เป็นร่างกายจิตใจของเรานี้เอง พยายามเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ให้มาก รู้สึกให้มาก หัดรู้ให้เห็นถึงตัวสภาวะให้ได้ แล้วสติตัวจริงถึงจะเกิด สติตัวจริงเกิดเมื่อไร สัมมาสมาธิ สมาธิที่ถูกต้องก็จะเกิดร่วมด้วยเสมอ เพราะฉะนั้นจับหลักให้แม่น หัดดูสภาวะไป ถนัดดูรูปธรรมก็ดูไป ถนัดดูนามธรรมก็ดูไป

กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน

เรามีสติเรียนรู้ร่างกายไปเรื่อยๆ เห็นร่างกายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา เป็นแค่วัตถุธาตุที่เรายืมของโลกมาใช้ชั่วครั้งชั่วคราว แล้ววันหนึ่งเราก็ต้องคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้โลก สิ่งที่เป็นร่างกายของเราวันนี้ วันข้างหน้าอาจจะไปเป็นร่างกายของหนอน เป็นร่างกายของต้นไม้ ต้นไม้ก็กินเราเข้าไปเป็นสารอาหาร หรือไปเป็นถนนให้คนเดิน กลายเป็นดินเป็นอะไรไป บางทีก็ไปอยู่ในน้ำทะเล อยู่ในแม่น้ำกระจัดกระจายไป ลมหายใจที่เราหายใจ คนอื่นมันก็เอามาหายใจมาก่อนเราแล้ว เราก็แค่ยืมลมหายใจเอามาใช้ ลมที่เราหายใจเข้าไป เราไม่รู้เลยคนอื่นหายใจมาก่อนหรือเปล่า หมามันหายใจมาก่อนหรือเปล่า ลมอันนี้ ธาตุมันหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ เห็นแล้วก็ควรสลดสังเวช ไม่น่ายึดถืออะไร ไม่ใช่ของดีของวิเศษอะไร ยืมเขามาใช้ ไม่ใช่ของสะอาดหมดจดด้วย ถึงวันหนึ่งก็ต้องคืนเจ้าของ คืนให้โลกไป

หนทางรู้ทุกข์อย่างแจ่มแจ้ง

พวกเราชาวพุทธทั้งหลายฝึกเดินในเส้นทางที่พระพุทธเจ้าสอน รู้ทุกข์คือรู้กายรู้ใจของตัวเอง อย่าละเลย รู้เรื่อยๆ จนวันหนึ่งเห็นความจริง ร่างกายจิตใจของเราเป็นแต่ของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จิตมันจะเบื่อหน่ายคลายความยึดถือ พอมันไม่ยึดถือมันหลุดพ้น ต่อไปร่างกายจะแก่จิตไม่สะเทือนเลย ร่างกายจะเจ็บจิตไม่หวั่นไหว ร่างกายจะตายจิตบางทีเบิกบานด้วยซ้ำไป ตัวทุกข์มันจะแตกแล้ว จิตที่ฝึกอบรมดีแล้วนำความสุขมาให้เรา แล้วการจะฝึกอบรมให้ดีก็คือการรู้ทุกข์นั่นล่ะ ดีที่สุดเลย หัดรู้สภาวะเรื่อยๆ แล้วสัมมาสติก็เกิด สัมมาสติเกิดเมื่อไร สัมมาสมาธิก็เกิด มีสัมมาสติ มีสัมมาสมาธิ สัมมาญาณะคือการเจริญปัญญาก็จะเกิด ไม่ได้คิดเอา แต่ต้องเห็นสภาวะเอา

เรียนธรรมคู่เพื่อรู้ธรรมหนึ่ง

หัดรู้สภาวะไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เริ่มต้นเรารู้คู่ใดคู่หนึ่งก็พอแล้ว เช่น จิตโกรธกับจิตไม่โกรธ จิตโลภกับจิตไม่โลภ ตอนนี้อยาก ตอนนี้เฉยๆ อย่างนี้ หัดดูสิ่งที่เป็นคู่ๆ ตอนนี้สุข ตอนนี้ทุกข์ ตอนนี้สุข ตอนนี้เฉยๆ อันนี้ก็เป็นเซ็ตหนึ่งมี 3 ตัว สุข ทุกข์ เฉยๆ หัดเรียนกรรมฐานเรียนเซ็ตเดียวพอ คู่เดียวพอแล้ว อย่างเห็นจิตโกรธกับจิตไม่โกรธ ทั้งวันก็มีแต่จิตโกรธกับจิตไม่โกรธ ถ้าเราดูตัวอยากทั้งวันก็มีแค่ตอนนี้อยากตอนนี้ไม่ได้อยาก ก็มีแค่นี้เอง หัดดูอย่างนี้เรื่อยๆ แล้วเราจะเห็นว่าจิตเราเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา เดี๋ยวเหวี่ยงซ้าย เดี๋ยวเหวี่ยงขวา เดี๋ยวอยาก เดี๋ยวไม่อยาก เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวไม่โกรธ ตรงที่มันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา มันกำลังสอนไตรลักษณ์เรา จิตอยากก็ไม่คงที่ จิตไม่อยากก็ไม่คงที่ เห็นไหมจิตโกรธก็ไม่คงที่ จิตไม่โกรธก็ไม่คงที่ ฉะนั้นเวลาเรียนธรรมะ เรียนเป็นคู่ คู่เดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องเรียนเยอะหรอก

เรียนรู้กายใจด้วยใจปกติ

รู้ด้วยใจปกติเลย อย่าไปทำใจให้ผิดปกติ จิตใจปกติในการที่เราจะใช้ปฏิบัติธรรม จิตปกติของเราพระพุทธเจ้าท่านเรียกจิตเดิม จิตธรรมดาของเรานี่เอง มันประภัสสรอยู่แล้ว มันผ่องใส แต่มันเศร้าหมองเพราะกิเลสที่จรมา แค่อยากปฏิบัติมีโลภะเกิดขึ้น จิตก็ผิดปกติแล้ว เราจะใช้จิตใจของคนธรรมดานี่ล่ะ ปกติอย่างนี้ เรียนรู้กายเรียนรู้ใจ อย่างร่างกายเราหายใจออกรู้สึก หายใจเข้ารู้สึก รู้ด้วยจิตปกติ ไม่ต้องวางฟอร์มเป็นนักปฏิบัติ ต้องไม่เหมือนคนธรรมดาอะไร นี่เข้าใจผิดอย่างยิ่งเลย เสียเวลา อย่างขณะนี้ร่างกายเรานั่งอยู่ ยากไหมที่จะรู้ว่าตอนนี้นั่งอยู่ ไม่เห็นยากเลย ตอนนี้ขยับส่ายหัวอย่างนี้ ส่ายหน้า รู้สึก รู้สึกด้วยใจปกติใจธรรมดา ฉะนั้นมันจะไม่ใช่เรื่องยาก ที่ยากเพราะเรามีความเห็นที่ว่าการปฏิบัติต้องอย่างนี้ ต้องอย่างนี้ อย่างนี้ถูก อย่างนี้ไม่ถูก สิ่งเหล่านี้เขาเรียกว่าสีลัพพตปรามาส

Page 3 of 69
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 69