หัวใจของการเจริญสติในชีวิตประจำวัน

ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจก็กระทบอารมณ์ไปตามธรรมดา แต่กระทบแล้วเกิดความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลง ให้มีสติรู้ หัวใจหรือเคล็ดลับของการเจริญสติในชีวิตประจำวันอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงที่อ่านใจตัวเองไป ไม่ได้อยู่ตรงที่บังคับตัวเอง ไม่ให้ดูรูป ไม่ให้ฟังเสียง ไม่ให้ได้กลิ่น ไม่ให้ได้รส ไม่ต้องหนี กระทบอารมณ์ไปตามธรรมชาติ แต่กระทบแล้วใจเรามีความเปลี่ยนแปลง เกิดสุขให้รู้เกิดทุกข์ให้รู้ เกิดกุศลอกุศลให้รู้ไป ไม่นานปัญญาจะเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา เกิดแล้วดับทั้งสิ้น

เป็นพวกโทสจริตแต่ต้องมาขายของ ทั้งวันจิตอยู่แต่ในกลุ่มโทสะ จิตไม่ชอบ ไม่เป็นกลางแต่ก็อดทน

คำถาม: เป็นพวกโทสจริตแต่ต้องมาขายของ ทั้งวันจิตอยู่แต่ใ …

Read more

ฝึกจิตตั้งมั่นได้อัตโนมัติขึ้นแต่ยังไม่แข็งแรง ยังเจริญปัญญาไม่ได้อัตโนมัติ

คำถาม: รักษาศีล ภาวนาในรูปแบบ อยู่กับวิหารธรรมบ่อยๆ ฝึก …

Read more

เพ่งโทษและติดบังคับ พอรู้ตัวว่าหลง จิตจะไปล็อค แน่นหน้าอกขึ้นมาทันที ติดบังคับ

คำถาม: หลงคิดว่าตัวเองเก่งและดี พอมีผัสสะมากระทบ จะมีโท …

Read more

ที่ผ่านมา ไม่สามารถนั่งทีละนานๆ ได้เหมือนก่อน ถ้าไม่นั่งสมาธิ ใจจะมีสมาธิเป็นธรรมชาติมากกว่านั่งในรูปแบบ ควรฝืนนั่งสมาธิต่อไปหรือไม่

คำถาม: อยู่ไกลทำให้การปฏิบัติธรรมเป็นที่พึ่งทางใจ เกาะเ …

Read more

ร่างกายเคลื่อนไหว รู้สึก จับหลักตัวนี้ให้ดี

คำถาม: ภาวนาในรูปเเบบ โดยการเดินจงกรมและยกมือสร้างจังหว …

Read more

วิธีฝึกสติคือการหัดรู้สภาวะ

สติเองก็เป็นอนัตตา สั่งให้เกิดไม่ได้ สติมีการที่จิตเราจำสภาวะได้แม่นเป็นเหตุใกล้ให้เกิด ฉะนั้นเราจะต้องมาหัดรู้สภาวะ สภาวะมีรูปธรรมมีนามธรรม สภาวะก็คือสิ่งที่ประกอบกันขึ้น เป็นร่างกายจิตใจของเรานี้เอง พยายามเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ให้มาก รู้สึกให้มาก หัดรู้ให้เห็นถึงตัวสภาวะให้ได้ แล้วสติตัวจริงถึงจะเกิด สติตัวจริงเกิดเมื่อไร สัมมาสมาธิ สมาธิที่ถูกต้องก็จะเกิดร่วมด้วยเสมอ เพราะฉะนั้นจับหลักให้แม่น หัดดูสภาวะไป ถนัดดูรูปธรรมก็ดูไป ถนัดดูนามธรรมก็ดูไป

กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน

เรามีสติเรียนรู้ร่างกายไปเรื่อยๆ เห็นร่างกายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา เป็นแค่วัตถุธาตุที่เรายืมของโลกมาใช้ชั่วครั้งชั่วคราว แล้ววันหนึ่งเราก็ต้องคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้โลก สิ่งที่เป็นร่างกายของเราวันนี้ วันข้างหน้าอาจจะไปเป็นร่างกายของหนอน เป็นร่างกายของต้นไม้ ต้นไม้ก็กินเราเข้าไปเป็นสารอาหาร หรือไปเป็นถนนให้คนเดิน กลายเป็นดินเป็นอะไรไป บางทีก็ไปอยู่ในน้ำทะเล อยู่ในแม่น้ำกระจัดกระจายไป ลมหายใจที่เราหายใจ คนอื่นมันก็เอามาหายใจมาก่อนเราแล้ว เราก็แค่ยืมลมหายใจเอามาใช้ ลมที่เราหายใจเข้าไป เราไม่รู้เลยคนอื่นหายใจมาก่อนหรือเปล่า หมามันหายใจมาก่อนหรือเปล่า ลมอันนี้ ธาตุมันหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ เห็นแล้วก็ควรสลดสังเวช ไม่น่ายึดถืออะไร ไม่ใช่ของดีของวิเศษอะไร ยืมเขามาใช้ ไม่ใช่ของสะอาดหมดจดด้วย ถึงวันหนึ่งก็ต้องคืนเจ้าของ คืนให้โลกไป

หนทางรู้ทุกข์อย่างแจ่มแจ้ง

พวกเราชาวพุทธทั้งหลายฝึกเดินในเส้นทางที่พระพุทธเจ้าสอน รู้ทุกข์คือรู้กายรู้ใจของตัวเอง อย่าละเลย รู้เรื่อยๆ จนวันหนึ่งเห็นความจริง ร่างกายจิตใจของเราเป็นแต่ของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จิตมันจะเบื่อหน่ายคลายความยึดถือ พอมันไม่ยึดถือมันหลุดพ้น ต่อไปร่างกายจะแก่จิตไม่สะเทือนเลย ร่างกายจะเจ็บจิตไม่หวั่นไหว ร่างกายจะตายจิตบางทีเบิกบานด้วยซ้ำไป ตัวทุกข์มันจะแตกแล้ว จิตที่ฝึกอบรมดีแล้วนำความสุขมาให้เรา แล้วการจะฝึกอบรมให้ดีก็คือการรู้ทุกข์นั่นล่ะ ดีที่สุดเลย หัดรู้สภาวะเรื่อยๆ แล้วสัมมาสติก็เกิด สัมมาสติเกิดเมื่อไร สัมมาสมาธิก็เกิด มีสัมมาสติ มีสัมมาสมาธิ สัมมาญาณะคือการเจริญปัญญาก็จะเกิด ไม่ได้คิดเอา แต่ต้องเห็นสภาวะเอา

เรียนธรรมคู่เพื่อรู้ธรรมหนึ่ง

หัดรู้สภาวะไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เริ่มต้นเรารู้คู่ใดคู่หนึ่งก็พอแล้ว เช่น จิตโกรธกับจิตไม่โกรธ จิตโลภกับจิตไม่โลภ ตอนนี้อยาก ตอนนี้เฉยๆ อย่างนี้ หัดดูสิ่งที่เป็นคู่ๆ ตอนนี้สุข ตอนนี้ทุกข์ ตอนนี้สุข ตอนนี้เฉยๆ อันนี้ก็เป็นเซ็ตหนึ่งมี 3 ตัว สุข ทุกข์ เฉยๆ หัดเรียนกรรมฐานเรียนเซ็ตเดียวพอ คู่เดียวพอแล้ว อย่างเห็นจิตโกรธกับจิตไม่โกรธ ทั้งวันก็มีแต่จิตโกรธกับจิตไม่โกรธ ถ้าเราดูตัวอยากทั้งวันก็มีแค่ตอนนี้อยากตอนนี้ไม่ได้อยาก ก็มีแค่นี้เอง หัดดูอย่างนี้เรื่อยๆ แล้วเราจะเห็นว่าจิตเราเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา เดี๋ยวเหวี่ยงซ้าย เดี๋ยวเหวี่ยงขวา เดี๋ยวอยาก เดี๋ยวไม่อยาก เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวไม่โกรธ ตรงที่มันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา มันกำลังสอนไตรลักษณ์เรา จิตอยากก็ไม่คงที่ จิตไม่อยากก็ไม่คงที่ เห็นไหมจิตโกรธก็ไม่คงที่ จิตไม่โกรธก็ไม่คงที่ ฉะนั้นเวลาเรียนธรรมะ เรียนเป็นคู่ คู่เดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องเรียนเยอะหรอก

Page 1 of 67
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 67