ต้องปฏิบัติให้ครบทั้งศีล สมาธิ ปัญญา

การปฏิบัติเราต้องทำให้ครบ ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าขาดอันใดอันหนึ่ง การภาวนาก็จะล้มเหลว ศีลก็ฝึกตัวเอง ไม่ตามใจกิเลส สมาธิก็ฝึกให้จิตใจสงบจากกิเลสชั่วครั้งชั่วคราว แล้วอาศัยช่วงเวลานั้นมาเจริญปัญญา ถ้าเราเอาใจที่ปนเปื้อนกิเลสไปเจริญปัญญา มันทำไม่ได้จริง ฉะนั้นศีล สมาธิ ปัญญา เป็นของสำคัญ ขาดไม่ได้

ศีลเป็นเครื่องข่มใจ ไม่ให้ไหลตามกิเลส สมาธิเป็นเครื่องข่มกิเลส ไม่ให้มีอำนาจเหนือใจ ปัญญาเป็นเครื่องล้างผลาญทำลาย ขุดรากถอนโคนกิเลส 3 สิ่งนี้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ขาดอันใดอันหนึ่งก็สู้ยาก สู้ไม่ไหว

ช่วงนี้มีภาระหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้น รู้สึกกำลังจิตอ่อนลง

เวลาเราอยู่ในชีวิตธรรมดา ถ้ามีช่องว่างตรงไหน เราภาวนาตรงนั้นเลย เก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อยๆ แล้วอย่าไปกังวลว่า โอ้ ตายแล้ว งานเยอะไม่ได้ภาวนา กังวลนั้นมันกิเลส อย่าเสียเวลาไปกังวล มีเวลานิดหน่อย แทนที่จะเอาเวลาไปกังวล ก็เอาเวลานั้นภาวนาไปเลย ได้ 5 นาทีก็เอา 10 นาทีก็เอา เก็บเล็กเก็บน้อยไป ก็เท่ากับเราวันหนึ่งๆ ได้ภาวนาเพิ่มขึ้นเป็นชั่วโมงเลย อย่าง 5 นาที ชั่วโมงหนึ่งเราภาวนาได้ 5 นาที 12 ชั่วโมงเราได้ชั่วโมงหนึ่งแล้ว

ฉะนั้นเก็บเล็กเก็บน้อยไปทั้งวันนี่ล่ะ การทำงานเราก็จะทำด้วยจิตใจที่ไม่เคร่งเครียดด้วย เป็นผลดีกับการทำงานด้วย แล้วเวลาที่เรามาทำในรูปแบบ มันก็จะไม่ยากเกินไป เพราะเราเก็บเล็กเก็บน้อยมาทั้งวันแล้ว หลวงพ่อไม่ได้สอนว่า เวลามีงานมากๆ ให้ลาออกจากงาน เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนจะทำอย่างนั้นได้ แล้วบางคนไม่ควรจะลาออกจากงาน ถ้าออกจากงานอยู่บ้านเฉยๆ ภาวนาไม่ได้ ต้องมีการกระทบอารมณ์ แต่ต้องภาวนาให้เป็น

ฆราวาสธรรม

นักปฏิบัติจริงๆ ไม่ใช่ทิ้งงาน มีงานต้องทำ มีหน้าที่ต้องทำแล้วก็ทิ้ง กะว่าจะปฏิบัติ พอถึงเวลาปฏิบัติ บางคนอยากปฏิบัติต้องไปอยู่วัด ทิ้งงานไปอยู่วัด พอไปอยู่ที่วัดก็คิดถึงงาน เอาดีไม่ได้สักที่หนึ่งเลย งานทางโลกก็ไม่ได้เรื่อง งานทางธรรมก็ไม่ได้เรื่อง เป็นฆราวาสต้องปฏิบัติให้ได้ ไม่ใช่จะมารอออกมาบวชแล้วถึงจะปฏิบัติ ถ้าคิดอย่างนั้นยังต่ำต้อยมากเลย เรียกต่ำต้อยไม่ถูก ต้องเรียกต่ำตม อยู่ใต้ตมเลย ไม่ใช่บัวพ้นน้ำ เป็นบัวต่ำตม ฉะนั้นแยกให้ออก มีหน้าที่ทางโลกอะไรบ้าง หน้าที่ทำมาหากิน หน้าที่ดูแลครอบครัว หน้าที่เลี้ยงดูพ่อแม่ เลี้ยงดูลูก เลี้ยงดูบุตร ภรรยา สามี หน้าที่มี หน้าที่ต่อหน่วยงาน อยู่ที่หน่วยงาน ต้องทำงาน ภักดีต่อองค์กร เลือกงานๆ ที่มันไม่สกปรก แล้วก็ทำหน้าที่ของเราในทางโลกให้เต็มที่ แล้วเวลาในทางธรรม งานทางโลก ถ้าเป็นงานสุจริต จะไม่เบียดบังการปฏิบัติของเราหรอก
ภาวนาไป เราเป็นฆราวาส อย่าทิ้งทั้งทางโลกทั้งทางธรรม เราถึงจะเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี ถ้ามีแต่ทางโลก มันก็เหมือนคนศาสนาอื่น ไม่แปลกอะไร จะเอาแต่ทางธรรม ก็เรียกคนไม่รู้จักหน้าที่