วิธีฝึกให้จิตตั้งมั่น

วิธีฝึกให้จิตตั้งมั่น เราก็ทำใจสบายๆ อยู่กับกรรมฐานของเราไป สงบก็ช่าง ไม่สงบก็ช่างมัน อยู่กับกรรมฐานไป จนใจเราเชื่อง คล้ายๆ หมดความดิ้นรนแล้ว แล้วต่อมาพอจิตมันไหลไปคิดเราจะเห็น หลุดออกจากฐานแล้วไปเห็น หรือบางทีก็ถลำลงไปเพ่งไปจ้องอารมณ์กรรมฐาน แต่ส่วนใหญ่เวลาจิตมันตั้งมั่นอย่างนี้สิ่งที่มันจะพลาด ก็คือจิตมันแส่ส่าย แล้วไม่เห็นว่ามันกำลังแส่ส่ายแสวงหาว่าจะดูอะไรดี ฉะนั้นถ้าจิตเราเข้าฐานจิตเราตั้งมั่นได้แล้ว จิตมันแส่ส่ายให้รู้ว่าแส่ส่าย ไม่ต้องพยายามทำให้มันนิ่ง

ส่วนใหญ่พอจิตมันส่าย แป๊บเดียวหลงไปที่อื่น หรือไม่ก็ส่ายๆ แล้วก็พยายามบังคับให้นิ่ง ตรงนั้นไม่ถูก พอจิตเราตั้งมั่น จิตเราว่างๆ ขึ้นมา ไม่ได้ฟุ้งซ่านอะไร สงบว่างๆ มันรู้สึกว่าน่ากลัว รู้สึกอยู่ไม่ได้ ต้องหาอะไรเกาะสักอย่างหนึ่ง อันนั้นจิตมันยังอ่อนแอ ถ้าจิตมันแส่ส่ายจะไปหาอารมณ์ที่อยากเกาะที่จะเอาเป็นที่พึ่งที่อาศัย ให้รู้ทัน จิตก็จะหยุดการแส่ส่ายแล้วก็ตั้งมั่นขึ้นมาอีก นี่วิธีฝึกจิตให้ตั้งมั่น ตัวนี้สำคัญ จิตไม่ตั้งมั่นภาวนาวิปัสสนาไม่ได้ จิตสงบได้แต่สมถะ ถ้ามีจิตตั้งมั่นถึงจะทำวิปัสสนาได้

ธรรมะภาคปฏิบัติ

เราตั้งอกตั้งใจฝึกตัวเอง ถือศีล 5 ทุกวันทำในรูปแบบ ทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง แล้วก็คอยรู้ทันจิตตนเอง อย่าเพ่ง อย่าจ้อง แค่รู้ทันจิต จิตหนีไปคิด รู้ จิตถลำไปเพ่ง รู้ เวลาที่เหลือเจริญสติในชีวิตประจำวัน เจริญสติในชีวิตประจำวันก็คือ มีตาก็ดู มีหูก็ฟัง มีจมูกก็ดมกลิ่น มีลิ้นก็รู้รส มีกายก็รู้สัมผัส มีใจก็คิดนึกได้ ไม่ใช่ห้ามคิด แต่เมื่อกระทบอารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้ว จิตใจเรามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เกิดสุขให้รู้ เกิดทุกข์ให้รู้ เกิดกุศลให้รู้ เกิดอกุศลให้รู้ หรือจิตไปทำงานทางตาให้รู้ ไปทำงานทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ให้รู้ รู้เท่าที่รู้ได้ ไม่ต้องรู้เยอะอย่างที่หลวงพ่อบอก เอาเท่าที่เรารู้ได้ นี่ล่ะงาน 3 ตัว ถือศีล 5 ทำในรูปแบบ แล้วคอยสังเกตจิตตนเอง งานที่ 3 คือเจริญสติในชีวิตประจำวัน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบอารมณ์ แล้วมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นที่จิตให้รู้ทัน ถ้าทำ 3 ประการนี้ได้ มรรคผลนิพพานไม่อยู่ไกลเราหรอก ไม่ได้อยู่ไกลแล้ว ไม่เกินเอื้อม ขอให้ทำให้ต่อเนื่อง อดทน ฟังธรรมะพอเข้าใจ พอรู้หลักแล้ว สิ่งสำคัญมากคืออดทน

วิ่งหาความสุข

ความสุขเหมือนภาพลวงตาเหมือนเหยื่อที่อยู่ข้างหน้า หลอกให้เราวิ่งไปหาตลอดเวลา แล้วก็ไม่เจอ พระพุทธเจ้าท่านมีสติมีปัญญาสูง ท่านไม่ได้สอนให้เราวิ่งหาความสุขซึ่งมันเหมือนภาพลวงตา หาเท่าไรก็ไม่เจอเสียที ท่านบอกว่าเป้าหมายสูงสุดในชีวิตเรา ต้องพ้นจากความทุกข์ให้ได้ คือท่านมีสติมีปัญญาสูง