ชอบใช้พุทโธถี่ๆ มากกว่าดูลมหายใจ ยังฟุ้งซ่าน และหลงโลกอยู่มาก ยังเดินปัญญาไม่เป็น พยายามจะเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่บางทีก็ยังทำไม่ค่อยได้

เราจะรู้ทันความปรุงแต่งของจิต โดยที่เราไม่เข้าไปปรุงแต่งจิตเสียเอง เราจะรู้ทันความปรุงแต่งของจิตได้ เมื่อจิตของเราตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ครูบาอาจารย์วัดป่าจะเรียกว่าจิตผู้รู้ หรือจิตประภัสสร พระพุทธเจ้าบอกว่า เดิมนั้นจิตมันประภัสสร คือจิตปกติของเรานั่นล่ะ มันประภัสสร แต่เศร้าหมองเพราะกิเลสมันจรมา นี้เราพยายามฝึกจนกระทั่งจิตของเราตั้งมั่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมา สว่าง ผ่องใส สบาย เงียบๆ แล้วพอมันปรุงอะไรขึ้นแม้แต่เล็กๆ เราก็จะเห็น ตรงนี้ที่เรารู้ทันความปรุงแต่งได้ เพราะจิตของเรามีกำลังตั้งมั่นขึ้นมา

ภาวนาช่วงนี้มักมีอุปสรรค จึงเปลี่ยนมาใช้การสวดบทมหาจักรพรรดิ์ ควบคู่กับบริกรรมพุทโธไว้ที่กลางอก เวลาที่จิตออกนอก พยายามกลับมารู้ลมหายใจ แต่ยังมีการบังคับจิตอยู่บ้าง

บทจักรพรรดิ์ หลวงปู่ดู่ท่านเรียกบทบูชาพระ ในนั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับจักรพรรดิ์สักนิดเลย คนรุ่นหลังอยากมีโชค มีลาภ มีอะไร ก็แต่ง เปลี่ยนชื่อไป ท่องไปหวังว่าจะรวย จะอย่างโน้นอย่างนี้ ผิดวัตถุประสงค์ของครูบาอาจารย์ มันแค่บทบูชาพระเท่านั้นเอง
ฉะนั้นเราพยายามรักษาคำสอน ของครูบาอาจารย์ที่ดีๆ เอาไว้ ทุกวันนี้มันบิด บิดไป สนองกิเลส คนส่วนใหญ่มันอยากรวย ครูบาอาจารย์รุ่นหลังท่านก็ฉลาดเหมือนกัน อยากรวยก็ให้มันสวดแล้วรวย สวดไปเรื่อยๆ มันก็ได้สมาธิ แต่ถ้าไม่มีปัญญาประกอบ สวดแล้วก็เมื่อไรจะรวย เมื่อไรจะรวย ตราบใดที่อยากรวย ขณะนั้นยังจนอยู่ คนที่รวยคือคนพอ ถ้าพอแล้ว รวยแล้ว มีแสนล้านมันยังไม่พอ อันนี้ยังจน

ดูแลพ่อที่ป่วยอยู่ ไม่อยากให้พ่อตาย จึงปฏิบัติทุกวันเพื่อให้ผลบุญส่งให้พ่ออยู่กับเรานานๆ

บุญไม่ได้ช่วยให้ใครรอดตายหรอก แต่บุญกุศลทำให้เราไม่ทุกข์ พ่อยังอยู่เราก็มีความปลื้มใจได้ดูแล ได้ทำสิ่งที่ดีงาม ใจเราเป็นบุญ ใจเรามีความสุข ไม่กังวล ถ้าพ่อจะตาย ใจเรามีปัญญารู้สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ใจเราไม่เศร้าหมอง ผลของการปฏิบัติจะเป็นอย่างนี้ คือถ้าใครช่วยใครได้ให้มันไม่ตายได้ พระพุทธเจ้าไม่นิพพานหรอก ไม่มีใครห้ามความตายได้หรอก เพียงแต่ว่าเมื่อความตายของคนที่เรารักมาถึง ตั้งสติให้ได้ ไม่เศร้าหมองเท่านั้นล่ะ

พิจารณาปฏิกูลอสุภะ

พิจารณาอสุภะมันมีข้อดีสำหรับพระ พระหนุ่มเณรน้อยอะไรอย่างนี้ กามราคะมันแรง พระไม่ใช่ว่าพอบวชปุ๊บแล้วไม่มีราคะเสียเมื่อไร เป็นโยมมีราคะอย่างไรมาบวชแล้วราคะมันก็อยู่อย่างนั้นล่ะ แล้วเป็นโยมมันยังมีการผ่อนคลาย เป็นพระมันเก็บกด เก็บกดมากๆ เครียดมากๆ ก็เพี้ยนไป ทีนี้การพิจารณาปฏิกูลอสุภะเลยเป็นข้อดี เพราะมันเป็นสมถกรรมฐานที่ใช้ข่มราคะโดยตรง เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่ครูบาอาจารย์กรรมฐานท่านจะสอนลูกศิษย์ให้พิจารณาร่างกายเป็นปฏิกูลเป็นอสุภะ วิธีพิจารณาปฏิกูลอสุภะทำได้หลากหลาย แล้วแต่กลวิธีของใคร บางคนก็ผลิตวิธีการใหม่ๆ ขึ้นมา ทำได้ทั้งนั้นล่ะ เพราะมันเป็นเรื่องของการคิด คิดอย่างไรก็ได้ให้มันลงอสุภะให้ได้ อย่างนี้ใช้ได้ทั้งนั้นล่ะ

ทำถูกแล้วต้องทำให้มาก

พอรู้หลักแล้วก็เร่งให้ภาวนาให้มาก พอทำถูกแล้วต้องทำให้พอ ทำให้มาก เจริญให้มาก
เจริญสติให้มาก ตอนนี้พวกเราจำนวนมากจิตมันก็ตั้งมั่นขึ้นมา เมื่อจิตตั้งมั่นจิตมันตื่นขึ้นมาแล้ว ตั้งมั่นนี่มันตื่น มันรู้ มันตื่น มันเบิกบาน เราก็ได้ลิ้มรสชาติของสภาวะแห่งความตั้งมั่น ความตั้งมั่นก็คือสมาธินั่นล่ะ สมาธิแปลว่าความตั้งมั่น
ภาวนาให้ถูก ภาวนาให้พอ เดี๋ยวมันก็เห็นเองล่ะว่าทางที่จะเดิน เดินไปทางไหน แล้วแต่ละก้าวที่เดิน มันจะมีความรู้สึกเลย แต่เดิมเราเหมือนอยู่ในป่าที่ทึบมองไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน คลำๆ เหมือนคนตาบอด พอเราภาวนารู้ทิศรู้ทาง ค่อยๆ คลำๆ ไป เราก็ออกมาสู่ที่โล่งขึ้นๆ จากป่าทึบก็มาเป็นป่าโปร่ง จากป่าโปร่งก็ออกมาเป็นไร่อ้อยไร่มันอะไรอย่างนี้ สุดท้ายก็ออกมาเจอถนนได้ ค่อยๆ ทำ ตั้งอกตั้งใจเข้า

การเทียบเคียงของการปฏิบัติ ปัญญายังไม่พอ กลัวหลงในทางที่ละเอียด

การภาวนา หยาบหรือละเอียดมีผลเท่ากัน เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องรู้ละเอียด ถ้ารู้ของหยาบได้ เราก็รู้ของหยาบ ของหยาบก็สอนไตรลักษณ์ รู้ได้ละเอียด มันรู้เอง ไม่ได้เจตนารู้ สิ่งที่ละเอียดก็แสดงไตรลักษณ์ แสดงอันเดียวกัน

ธุรกิจครอบครัวทรุดหนัก ทุกข์มาก กายก็มีวิบาก ระหว่างวันจิตรู้สภาวะได้เอง ใจเบามากขึ้น เห็นกายไม่ใช่เรา แต่จิตยังมีเราอยู่ ต้องพัฒนาอย่างไร

โลกไม่เคยสงบสุข โลกไม่เคยหยุดนิ่ง เพราะธรรมะประจำโลก มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีนินทา มีสรรเสริญ มีสุข มีทุกข์ อันนั้นคือธรรมะประจำโลก เราไม่ได้ภาวนาเพื่อว่าจะทำลายธรรมะประจำโลก แต่เราจะอยู่กับโลกอย่างเข้าใจโลก เข้าใจธรรมะประจำโลก เชื่อหรือยังว่ามีลาภ แล้วก็เสื่อมลาภได้ นั่นล่ะคือสัจจะ คือความจริง ถ้าใจเรายอมรับได้ ช่วงนี้ทำธุรกิจได้ไม่ดี ใจเรายอมรับได้ ธุรกิจมีปัญหาแต่ใจเราไม่ทุกข์

เจอการกระทบทางอารมณ์เวลาทำงาน เวลาทำงานแล้วกายล้ามากๆ จะควบคุมสติให้อยู่เหนือความล้าของกายได้อย่างไร

เราต้องรู้จักเบรกตัวเองเป็นช่วงๆ เราทำงานไปสักชั่วโมงหนึ่งอะไรอย่างนี้ ก็เบรกตัวเองได้ก็เบรก เดินไปห้องน้ำไปอะไรอย่างนี้ เปลี่ยนอารมณ์ ตอนที่เราเบรกใจเราจะสดชื่นขึ้นมาหน่อย ก็มาทำงานต่อ แต่ถ้าตะลุมบอนเช้ายันเย็น มันล้า จิตมันก็ล้า มันไม่ล้าเฉพาะกายหรอก จิตมันก็เหนื่อย เพราะฉะนั้นก็ให้มันได้พักเป็นระยะๆ ไป ชั่วโมงหนึ่งให้พักสัก 5 นาที เก็บเล็กเก็บน้อยไป ถ้าชั่วโมงหนึ่งเราทำสมาธิ 5 นาที 12 ชั่วโมงเท่ากับเราทำสมาธิ 1 ชั่วโมงแล้ว ฉะนั้นเราเก็บไปเรื่อยๆ จิตมันจะมีแรง

ที่ผ่านมามีทุกข์ทางความรักและโรคจิตเวช พยายามหาทางออกด้วยการปฏิบัติธรรม ฟังธรรม

ไปฟังเทศน์ที่หลวงพ่อเทศน์ ไม่ต้องรีบปฏิบัติหรอก ฟังเทศน์ไป สบายใจก็รู้ กลุ้มใจก็รู้ รู้ไปเรื่อยๆ ฟังเทศน์ไปเรื่อยๆ ฟังแล้วสบายใจก็รู้ ตอนนี้ไม่ได้ฟังแล้ว ไม่สบายใจก็รู้ รู้เรื่อยๆ ไม่ต้องหาทางทำให้ดี จิตเวชคนไทยเป็นเยอะหลาย 10 เปอร์เซนต์เลย แต่คนไทยไม่ค่อยยอมรับ กลัว ไปหาหมอจิตแพทย์ กลัวเดี๋ยวคนจะว่าเป็นบ้า มันคนละเรื่องกันเลย อย่างเราเป็นโรคซึมเศร้า ไปหาหมอก็ไม่เป็นไร แล้วก็อย่าไปคิดว่าถ้าเป็นโรคทางจิตใจ แล้วจะไปนั่งสมาธิแล้วหาย บางคนยิ่งนั่งยิ่งเป็นก็มี

รีบปฏิบัติเข้า

รีบๆ ปฏิบัติเข้า อย่าขี้เกียจ ตอนนี้พวกเราส่วนหนึ่ง ภาวนาแบบก้าวกระโดดไปเยอะแล้ว พวกนี้เขาไม่สงสัยแล้ว ว่าจิตตื่นเป็นอย่างไร จิตตั้งมั่นเป็นอย่างไร ขันธ์แยกเป็นอย่างไร เห็นไตรลักษณ์เห็นอย่างไร เขาไม่ต้องมาถามหลวงพ่อแล้ว ภาวนาแล้วมันรู้ด้วยตัวเอง เวลาจิตเราตั้งมั่น ขันธ์มันแยกออกไป เรารู้สึกเหมือนเราเป็นคนใหม่ ไม่เหมือนคนเดิม คนเดิมเราจะรู้เลยว่าตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้สึกตัว จิตหลงโลก หลงอารมณ์อยู่ตลอดเวลา
ยังหนุ่มยังสาว เป็นช่วงเวลาที่เราแข็งแรงที่สุดทั้งร่างกายและจิตใจ ใช้ช่วงเวลานี้ มารีบภาวนาให้ดี เมื่อก่อนมีครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง หลวงพ่อไม่เคยเรียนกับท่าน แต่เคยได้ยิน ท่านพูดบอกว่า ท่านมาบวชตั้งแต่หนุ่ม เพราะว่าชีวิตวัยหนุ่ม เป็นวัยที่สดชื่นแข็งแรง คนเราเวลาจะทำบุญ พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เอาไปทำบุญถวายพระ ท่านเลยถวายชีวิตช่วงหนุ่มของท่านนี้ให้พระพุทธเจ้า ออกมาบวชแล้วไม่ยอมสึก ลงมือปฏิบัติไปเรื่อยๆๆ ไม่ยอมเลิก ท่านบอก ท่านถวายของที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว ให้กับพระพุทธเจ้าเป็นพุทธบูชา

Page 1 of 69
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 69