การปฏิบัติต้องลงมือทำ

ตัวที่จะทำให้เราเข้าใจธรรมะได้แท้จริงคือการลงมือภาวนา หรือลงมือปฏิบัติเจริญสติเจริญปัญญา ถ้าเราภาวนา เบื้องต้นก็ฝึกให้ได้สติ เบื้องปลายก็ฝึกให้ได้ปัญญา กระบวนการในการฝึกฝน อยู่ในหลักธรรมคำสอนเรื่องสติปัฏฐาน สติปัฏฐาน 4 เป็นเรื่องใหญ่ พวกเราชาวพุทธต้องรู้จัก มันเป็นธรรมะที่อัศจรรย์มากจริงๆ พระพุทธเจ้าท่านรวบรวมหลักของการปฏิบัติที่สำคัญๆ ลงมาอยู่ในสูตรอันนี้ล่ะที่เราจะปฏิบัติกัน

จิตที่พ้นจากอุปาทานขันธ์

บางคนก็มองพระภาวนาดีทำไม สมองเสื่อมขาดสติ มองไปเลยไม่ใช่พระแท้ สมองเสื่อมได้ ขาดสติได้ พวกนี้ไม่แยกแยะ สมองมันเป็นตัวรูปอยู่ในรูปธรรม รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง รูปไม่เที่ยง สัญญาเที่ยงไหม จำไม่ได้ สัญญาไม่เที่ยง สังขาร ความปรุงดีปรุงชั่ว สังเกตไหมว่าคนไปโวยวายใส่ท่าน ท่านยังไม่ปรุงชั่วเลย ไม่ได้เป็นอะไรเลย พระพุทธเจ้าท่านแก่ไหม ท่านเจ็บไหม ท่านตายไหม นั่นพระพุทธเจ้านะ ท่านก็แก่ ท่านก็เจ็บ ก็ตาย มันเรื่องของขันธ์ แยกไม่ออกว่าจิตที่มันพ้นขันธ์ไปแล้ว กับขันธ์มันคนละเรื่องกัน สิ่งที่สมบูรณ์คือท่านภาวนา สมมติว่าท่านจบ ท่านรู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจ จิตท่านไม่เข้าไปยึดไปถืออะไรอีกแล้ว โดยไม่ต้องระวังไม่ต้องรักษา สติอะไรพวกนี้มันอัตโนมัติ แต่มันไม่ใช่สติ ไม่ใช่ความจำสัญญาอย่างโลกๆ นั่นเป็นเรื่องของขันธ์ สังเกตไหมคนโวยวายตั้งเยอะแยะ มาล้อมหน้าล้อมหลังจะมาเล่นงานท่าน ยืนค้ำศีรษะท่านตวาดแว้ดๆ ด่าหยาบคาย ท่านเฉยท่านไม่ต้องรักษาจิตของท่าน ธรรมะมันรักษาจิตของท่านเอาไว้เอง ส่วนเรื่องความจำเรื่องอะไรอันนี้ บางทีแก่มากๆ ก็จำไม่ได้ สมองมันเสื่อม

มีศีลเป็นเครื่องป้องกันตัว

ถ้าตั้งใจรักษาพระวินัย ธรรมวินัยก็จะรักษาเรา ถ้าไม่รักษาตัวเองก็เอาตัวไม่รอด แล้วจะไปรักษาพระศาสนาได้อย่างไร ตัวเองยังรักษาไม่ได้เลย เรื่องของเรื่องทั้งหมดนั้นก็คือเรื่องของกิเลสนั่นล่ะ ถ้ายังไม่เห็นโทษไม่เห็นภัยของกิเลส ยังลดละกิเลสไม่ได้ มันก็พร้อมจะพลาด ถึงเราเป็นฆราวาสก็เหมือนกัน ต้องรักษาศีล 5 ไว้ ถ้าศีล 5 เรายังรักษาไม่ได้ เราก็เริ่มเบียดเบียนคนอื่น เบียดเบียนตัวเราเองเพราะไม่มีศีล รักษาศีล 5 ไว้ก็ช่วยตัวเองได้เยอะเลย ฉะนั้นศีลเป็นเครื่องป้องกันตัวทั้งพระทั้งโยม ต้องรักษาศีลเอาไว้ ถ้าศีลเราไม่ดีสมาธิเราก็เสื่อม สมาธิเสื่อมปัญญาก็ไม่เกิด