การภาวนาในรูปแบบ

อดทนนิดหนึ่ง ทำวันหนึ่ง 3 ชั่วโมงจะแบ่งเป็นช่วงๆ ก็ได้ ตอนเช้าชั่วโมงหนึ่ง ตอนกลางวันครึ่งชั่วโมง ตอนก่อนนอนสักชั่วโมงครึ่ง เก็บๆๆ รวมให้ได้สัก 3 ชั่วโมงทำไป วิธีทำก็ทำกรรมฐานที่เราถนัด จิตหลงไปที่อื่น รู้ทัน จิตถลำไปเพ่งกรรมฐาน รู้ทัน อย่างดูท้อง จิตไปอยู่ที่ท้อง รู้ทัน รู้ทันจิต ทำกรรมฐานไปแล้วรู้ทันจิตไป เรียกว่าอธิจิตตสิกขา สิ่งที่เราจะได้ก็คือสัมมาสมาธิ พอสติระลึกรู้ จิตมันเคลื่อนไปทางไหน สติรู้ทันปั๊บ ความที่ไหลไปมันก็จะดับ จิตก็จะตั้งมั่น พอตั้งมั่นถี่ๆๆๆ มันจะตั้งได้แข็งแรงขึ้น มันจะเหมือนจิตเราตั้งมั่นอยู่ทั้งวันเลย โดยที่ไม่ได้เจตนา จิตที่ตั้งมั่นตัวนี้ เป็นจิตที่มีสติกำกับ รู้เนื้อรู้ตัว ผ่องใส นุ่มนวล อ่อนโยน คล่องแคล่ว ว่องไว ไม่ขี้เกียจ ไม่เซื่องซึม แล้วก็ไม่เข้าไปแทรกแซงการรู้อารมณ์ เรามีจิตที่ทรงคุณภาพสูงแบบนี้แล้ว เราไปเดินปัญญาได้ ถ้าจิตของเราถูกต้อง การเจริญปัญญาจะใช้เวลาไม่มากหรอก แต่ถ้าจิตเรายังไม่ถูก บอกว่าเจริญปัญญาๆ 10 ปี 20 ปี ใช้เวลานาน บางทียังไม่ได้เรื่องเลย ฉะนั้นตัวที่แตกหักก็คือจิตเรามีคุณภาพหรือเปล่า ที่เราฝึกกรรมฐานบอกวันละ 3 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาจิตใจของเราให้ตั้งมั่น ให้มีคุณภาพ

เรียนรู้กายใจด้วยใจปกติ

รู้ด้วยใจปกติเลย อย่าไปทำใจให้ผิดปกติ จิตใจปกติในการที่เราจะใช้ปฏิบัติธรรม จิตปกติของเราพระพุทธเจ้าท่านเรียกจิตเดิม จิตธรรมดาของเรานี่เอง มันประภัสสรอยู่แล้ว มันผ่องใส แต่มันเศร้าหมองเพราะกิเลสที่จรมา แค่อยากปฏิบัติมีโลภะเกิดขึ้น จิตก็ผิดปกติแล้ว เราจะใช้จิตใจของคนธรรมดานี่ล่ะ ปกติอย่างนี้ เรียนรู้กายเรียนรู้ใจ อย่างร่างกายเราหายใจออกรู้สึก หายใจเข้ารู้สึก รู้ด้วยจิตปกติ ไม่ต้องวางฟอร์มเป็นนักปฏิบัติ ต้องไม่เหมือนคนธรรมดาอะไร นี่เข้าใจผิดอย่างยิ่งเลย เสียเวลา อย่างขณะนี้ร่างกายเรานั่งอยู่ ยากไหมที่จะรู้ว่าตอนนี้นั่งอยู่ ไม่เห็นยากเลย ตอนนี้ขยับส่ายหัวอย่างนี้ ส่ายหน้า รู้สึก รู้สึกด้วยใจปกติใจธรรมดา ฉะนั้นมันจะไม่ใช่เรื่องยาก ที่ยากเพราะเรามีความเห็นที่ว่าการปฏิบัติต้องอย่างนี้ ต้องอย่างนี้ อย่างนี้ถูก อย่างนี้ไม่ถูก สิ่งเหล่านี้เขาเรียกว่าสีลัพพตปรามาส

ความสุดโต่ง 2 ฝั่ง

สิ่งที่ผิดก็มี 2 อันเท่านั้น ก่อนที่จะเข้าสู่ทางสายกลาง อันหนึ่งหลงไปเที่ยวแสวงหาอารมณ์ต่างๆ เรียกว่า กามสุขัลลิกานุโยค อารมณ์ต่างๆ ล้วนแต่เรื่องกามคุณอารมณ์ทั้งนั้น อีกอันหนึ่งเป็นอัตตกิลมถานุโยค เพ่งจ้องเอาไว้ ทำตัวเองให้เนิ่นช้าให้ลำบาก ทางสายกลางก็คือต้องไม่สุดโต่งไป 2 ฝั่งนี้ อันหนึ่งลืมอารมณ์กรรมฐาน อันหนึ่งไปเพ่งอารมณ์กรรมฐาน ถ้าลืมอารมณ์กรรมฐานแล้วเรารู้ปุ๊บ จิตจะทรงสัมมาสมาธิทันทีเลย แต่ถ้าเพ่งอารมณ์กรรมฐานอยู่ มันยังเพ่งต่อได้อีก รู้ว่าเพ่ง เราก็ยังเพ่งได้อีก ให้รู้ทันเบื้องหลังของการเพ่ง คือความโลภ โลภะตัวเดียวนี้ล่ะ ตัวอยากดี ถ้ารู้ตัวนี้ การเพ่งก็จะดับ