วิธีไปสู่นิพพาน

หลวงพ่อจะพูดภาพกว้างๆ ให้พวกเราเห็น หัวข้อที่จะพูดข้อแรกก็คือเรื่องความรู้สึกตัว หัวข้อที่สอง คือเรื่องของสมถกรรมฐาน หัวข้อที่สาม เรื่องวิปัสสนากรรมฐาน เรื่องหัวข้อที่สี่ เรื่องอริยมรรค อริยผล หัวข้อที่ห้า คือเรื่องนิพพาน เราจะไปสู่นิพพาน นิพพานเป็นสภาวะที่เราพ้นทุกข์สิ้นเชิง ฉะนั้นจะตอบโจทย์เราว่าเราจะไปสู่ความพ้นทุกข์ได้อย่างไร

ขันธ์ 5 ล้วนตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์

ถ้าเรารู้กายมีจิตเป็นคนรู้ ถ้ารู้เวทนามีจิตเป็นคนรู้ ถ้ารู้สังขารก็มีจิตเป็นคนรู้ เรารู้อย่างนี้ ไม่ว่าจะรู้อะไรก็ต้องมีจิตที่เป็นคนรู้อยู่ อย่างเราฝึกเรื่อยๆ รู้สึกๆๆ พอเราหลงไปปุ๊บแล้วสติเกิด มันรู้สึกเลยร่างกายที่นั่งอยู่ตรงนี้มันไม่ใช่ตัวเรา มันเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ร่างกายกับจิตนี่เป็นคนละอันกัน เราพยายามรู้สึกร่างกายเรื่อยๆ จนกระทั่งจิตมีแรงขึ้นมา หลงแล้วรู้ หลงแล้วรู้ไป ทำกรรมฐานไปที่เราถนัด แล้วจิตมันหลงแล้วรู้ แล้วจิตมันจะมีแรง พอจิตมีแรงขันธ์มันจะแยก พอขันธ์แยกแล้วแต่ละขันธ์ล้วนแต่แสดงไตรลักษณ์ แสดงความไม่ใช่ตัวเราทั้งนั้นเลย

ไม่มีทางลัด

การปฏิบัติธรรมจับหลักให้แม่นๆ แล้วก็อดทนพากเพียรทำไป ทางลัดไม่มี ทางฟลุกๆ ไม่มี ทางเดียวเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น คือการเจริญสติปัฏฐาน พระพุทธเจ้าบอกเป็นทางสายเอก เป็นทางสายเดียวเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น ทุกวันนี้มีการเผยแพร่อะไรกันวุ่นวายไปหมด ส่วนใหญ่ก็จะโชว์ว่าเป็นทางลัด ทางลัดไม่มีหรอก มีแต่ทางหลง ฉะนั้นเราอย่าไปเห่อเรื่องทางลัด ทางพ้นทุกข์มีทางเดียวคือการเจริญสติปัฏฐาน การเจริญสติปัฏฐานในเบื้องต้นทำให้เกิดสติ เบื้องปลายทำให้เกิดปัญญา เห็นไหมเป็นเรื่องของสติ เรื่องของปัญญา ไม่ใช่เรื่องนั่งคิดธรรมะแล้วก็เพลินๆ มีความสุขไป ทุกวันนี้ชอบทางลัดเพราะขี้เกียจ เพราะขี้เกียจเอะอะก็จะหาทางลัด ทางลัดไม่มีหรอก ถ้ามีครูบาอาจารย์สอนแล้ว ถ้ามีพระพุทธเจ้าบอกไว้แล้ว เราถนัดอันไหน เราทำกรรมฐานอันนั้น นั่นทางลัดเฉพาะตัวเรา ไม่มีทางลัดทั่วไป แต่ทั้งหมดอยู่ในหลักของสติปัฏฐานนั่นล่ะ

หัวใจของการเจริญสติในชีวิตประจำวัน

ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจก็กระทบอารมณ์ไปตามธรรมดา แต่กระทบแล้วเกิดความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลง ให้มีสติรู้ หัวใจหรือเคล็ดลับของการเจริญสติในชีวิตประจำวันอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงที่อ่านใจตัวเองไป ไม่ได้อยู่ตรงที่บังคับตัวเอง ไม่ให้ดูรูป ไม่ให้ฟังเสียง ไม่ให้ได้กลิ่น ไม่ให้ได้รส ไม่ต้องหนี กระทบอารมณ์ไปตามธรรมชาติ แต่กระทบแล้วใจเรามีความเปลี่ยนแปลง เกิดสุขให้รู้เกิดทุกข์ให้รู้ เกิดกุศลอกุศลให้รู้ไป ไม่นานปัญญาจะเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา เกิดแล้วดับทั้งสิ้น

เป็นพวกโทสจริตแต่ต้องมาขายของ ทั้งวันจิตอยู่แต่ในกลุ่มโทสะ จิตไม่ชอบ ไม่เป็นกลางแต่ก็อดทน

ขายของก็อ่านใจไปเรื่อยๆ เมื่อก่อนที่สุรินทร์ มีแม่ค้าขายผัก อายุก็เยอะเหมือนกัน กลางคนท่อนปลายแล้ว ใกล้จะแก่แล้ว ชื่อยาย สะเกียว ขายผัก ขายดี พอใจ รู้ว่าพอใจ เจอลูกค้าจู้จี้เลือกแล้วเลือกอีก ผักเราจะช้ำ ไม่พอใจ รู้ว่าไม่พอใจอย่างนี้ เขาก็ภาวนาของเขาได้ ขายไม่ออก กลุ้มใจ รู้ว่ากลุ้มใจ

อย่างเราขายของ แล้วขายไม่ออก แล้วเรากลุ้มใจ เรากลุ้มฟรี เพราะความกลุ้มใจไม่ได้ทำให้เราขายออก ยิ้มไว้ ยิ้มหวานๆ ไว้ดีกว่ามีนางกวักอีก บางคนหานางกวักหาแมวกวัก แต่หน้าเป็นมะเหงก ไม่มีใครเขาซื้อหรอก หัดยิ้มไว้ ยิ้มหวาน มองลูกค้า มองด้วยความรู้สึกเป็นมิตรๆ ฝึก นี่ล่ะคือการเจริญเมตตา ถ้าใจเรารู้สึกเป็นมิตร ใครเดินผ่านเรา มันจะรู้สึกสบายใจ เดี๋ยวเขาก็มาซื้อของเองล่ะ ไม่ต้องไปไหว้เทวดาที่ไหนเลย ทำใจของเราให้เป็นมิตรกับคนอื่น กับลูกค้ากับอะไร มันจะดึงดูดคนเข้ามาหา

เมื่อก่อนหลวงพ่อเคยได้ยินครูบาอาจารย์ท่านเล่า บอกพระอรหันต์หรือครูบาอาจารย์ชั้นสูง แต่ละองค์มีวิหารธรรมไม่เหมือนกัน แล้วผลที่เกิดขึ้นก็ไม่เหมือนกัน อย่างหลวงปู่ดูลย์ วิหารธรรมของท่านคือมหาสุญญตา ท่านอยู่กับว่าง พวกที่ปัญญากล้าจะเข้าไปหาท่าน คนทั่วๆ ไปก็รู้สึกท่านภาวนาไม่เป็น

ครูบาอาจารย์บางองค์อย่างหลวงปู่ขาว หลวงปู่เทสก์ วิหารธรรมของท่าน คืออัปปมัญญา เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาไม่มีประมาณ เรียกว่าอัปปมัญญา ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาที่ไม่มีประมาณ ไม่ได้มีขอบเขต ไม่ได้เจาะจงเฉพาะบุคคล มันดึงดูดคนอยากหาท่านเยอะเลย เข้าไปหามากมาย เข้าไปใกล้แล้วมีความสุข คนก็อยากเข้าไป ถ้าใจเรามีความเมตตาอยู่ คนเข้าใกล้แล้วมีความสุข เขาก็อยากมาหา อยากมาซื้อของ ไม่กลุ้มหรอกคราวนี้ บางคนหลวงพ่อแนะนำอย่างนี้แล้วไปทำ ทำสำเร็จจริงๆ สำเร็จจนกลุ้มใจเลย มาบอกหลวงพ่อว่าเหนื่อยเหลือเกิน ลูกค้าเยอะเกินไป แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้ไปแนะนำให้เจริญโทสะ เจริญโทสะเดี๋ยวลูกค้าก็หนีไปหมดอีก เจริญเมตตาไป

ฝึกจิตตั้งมั่นได้อัตโนมัติขึ้นแต่ยังไม่แข็งแรง ยังเจริญปัญญาไม่ได้อัตโนมัติ

คำถาม: รักษาศีล ภาวนาในรูปแบบ อยู่กับวิหารธรรมบ่อยๆ ฝึก …

Read more

เพ่งโทษและติดบังคับ พอรู้ตัวว่าหลง จิตจะไปล็อค แน่นหน้าอกขึ้นมาทันที ติดบังคับ

คำถาม: หลงคิดว่าตัวเองเก่งและดี พอมีผัสสะมากระทบ จะมีโท …

Read more

ที่ผ่านมา ไม่สามารถนั่งทีละนานๆ ได้เหมือนก่อน ถ้าไม่นั่งสมาธิ ใจจะมีสมาธิเป็นธรรมชาติมากกว่านั่งในรูปแบบ ควรฝืนนั่งสมาธิต่อไปหรือไม่

คำถาม: อยู่ไกลทำให้การปฏิบัติธรรมเป็นที่พึ่งทางใจ เกาะเ …

Read more

ร่างกายเคลื่อนไหว รู้สึก จับหลักตัวนี้ให้ดี

คำถาม: ภาวนาในรูปเเบบ โดยการเดินจงกรมและยกมือสร้างจังหว …

Read more

วิธีฝึกสติคือการหัดรู้สภาวะ

สติเองก็เป็นอนัตตา สั่งให้เกิดไม่ได้ สติมีการที่จิตเราจำสภาวะได้แม่นเป็นเหตุใกล้ให้เกิด ฉะนั้นเราจะต้องมาหัดรู้สภาวะ สภาวะมีรูปธรรมมีนามธรรม สภาวะก็คือสิ่งที่ประกอบกันขึ้น เป็นร่างกายจิตใจของเรานี้เอง พยายามเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ให้มาก รู้สึกให้มาก หัดรู้ให้เห็นถึงตัวสภาวะให้ได้ แล้วสติตัวจริงถึงจะเกิด สติตัวจริงเกิดเมื่อไร สัมมาสมาธิ สมาธิที่ถูกต้องก็จะเกิดร่วมด้วยเสมอ เพราะฉะนั้นจับหลักให้แม่น หัดดูสภาวะไป ถนัดดูรูปธรรมก็ดูไป ถนัดดูนามธรรมก็ดูไป

Page 4 of 70
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 70