เจริญแล้วเสื่อมไม่ใช่ปัญหา เป็นสภาวะ
สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นก็ดับ
ดีเกิดได้ดีก็ดับ
ชั่วเกิดได้ ชั่วก็ดับเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นดีกับชั่วไม่ใช่สาระสำคัญ
เป็นแค่สภาวะที่เราไปรู้ไปเห็นเข้า
จุดที่สำคัญก็คือ จิตยินดีไหมยินร้ายไหม
ต่อสภาวะแต่ละอันนั้น
รู้ทันไปเรื่อยๆ จิตจะเป็นกลางโดยที่ไม่ได้บังคับ
พอจิตเป็นกลางแล้ว เราก็เห็นสภาวะทำงานต่อไป
จิตเป็นกลางแล้วจะเกิดความเข้าใจขึ้นมา
ถ้าจิตยังยินดียินร้าย จิตจะดิ้นรน จิตจะไม่สักว่ารู้ว่าเห็น
ถ้าจิตไม่ยินดียินร้ายแล้ว จิตจะสักว่ารู้ว่าเห็นสภาวะ
จะเข้าใจไตรลักษณ์ขึ้นมาได้
ศาสตร์ที่ท้าให้พิสูจน์ ไม่ใช่ชวนให้เชื่อ
เราต้องรู้หลัก ว่าหลักธรรมคำสอนที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร เราจะได้ปฏิบัติได้ถูก แล้วถัดจากนั้นเราก็ลงมือปฏิบัติ เมื่อลงมือปฏิบัติแล้ว เราจะเห็นผลของการปฏิบัติเป็นลำดับๆ ไป เราจะพบว่า ความทุกข์ในใจเราน้ีสั้นลงๆ เคยทุกข์นานก็ทุกข์สั้น เคยทุกข์หนัก ก็ทุกข์น้อย ถ้าฝึกถึงขีดสุดนี่ ไม่ทุกข์อีกต่อไป
เป็นศาสตร์ที่ท้าให้พิสูจน์ ไม่ใช่ชวนให้เชื่อ เป็นความอหังการ กล้าหาญมาก ท้าให้พิสูจน์ เอหิปัสสิโก พึงกล่าวกับผู้อื่นว่ามาลองดูเถิด ไม่ใช่จงเชื่อเถิด ลองดูวิธีที่พระพุทธเจ้าวางไว้ให้ ลงมือทำแล้ว ดูผลด้วยตัวเอง ว่าทุกข์มันน้อยลงไหม ทุกข์มันสั้นลงไหม ถ้าเราพบว่าความทุกข์มันน้อยลงๆ ความทุกข์มันสั้นลงๆ ความเชื่อมั่น ความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าก็จะเกิดขึ้น ทุกวันนี้เราเป็นชาวพุทธแต่ชื่อ เราไม่ได้รู้คุณค่าของพุทธศาสนาเลยว่าจะช่วยอะไรเราได้